เมนู

3. กัสสปโคตตสูตร



ว่าด้วยพระกัสสปโคตรกล่าวสอนพรานเนื้อ



[766] สมัยหนึ่ง ท่านพระกัสสปโคตร พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่ง
ในแคว้นโกศล สมัยนั้นแล ท่านอยู่ในที่พักกลางวัน กล่าวสอนนายพรานเนื้อ
คนหนึ่ง.
[767] ครั้งนั้น เทวดาผู้สิงอยู่ในป่านั้น มีความเอ็นดูใคร่ประโยชน์
แก่ท่านพระกัสสปโคตร หวังจะให้ท่านสลดใจจึงเข้าไปหา แล้วได้กล่าวกะท่าน
ด้วยคาถาว่า
ภิกษุผู้กล่าวสอนนายพรานเนื้อซึ่ง
เที่ยวไปตามซอกเขาผู้ทรามปัญญาไม่รู้เท่า
ถึงการณ์ ในกาลอันไม่ควร ย่อมปรากฏแก่
เราประดุจคนเขลา เขาเป็นคนพาลถึงฟัง
ธรรมอยู่ก็ไม่เข้าใจเนื้อความ แสงประทีป
โพลงอยู่ก็ไม่เห็น เมื่อท่านกล่าวธรรม
อยู่ ย่อมไม่รู้เนื้อความ ข้าแต่ท่านกัสสป
ถึงแม้ท่านจักทรงประทีปอันโพลงตั้ง 10
ดวง เขาก็จักไม่เห็นรูป เพราะจักษุ (คือ
ญาณ) ของเขาไม่มี.

ลำดับนั้น ท่านกัสสปโคตร ผู้อันเทวดานั้นให้สังเวช ถึงซึ่งความสลด
ใจแล้ว.

อรรถกถากัสสปโคตตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในกัสสปโคตตสูตรที่ 3 ต่อไปนี้ :-
บทว่า เฉตํ คือพรานล่าเนื้อคนหนึ่ง. บทว่า โอวทิ ความว่า ได้
ยินว่า พรานล่าเนื้อนั้นกินข้าวเช้าแล้วคิดว่า เราจักล่าเนื้อ จึงเข้าไปสู่ป่า
เห็นละมั่งตัวหนึ่ง คิดว่า เราจักประหารมันด้วยหอก ติดตามไป หลีกไปไม่
ไกลที่พระเถระนั่งในที่พักกลางวัน โดยนัยที่กล่าวแล้วในสูตรที่ 1. ลำดับนั้น
พระเถระจึงกล่าวกะเขาว่า อุบาสก ขึ้นชื่อว่า ปาณาติบาตนี้ เป็นไปเพื่ออบาย
เป็นไปด้วยเหตุให้มีอายุสั้น เขาอาจจะทำการเลี้ยงเมียด้วยการงานอย่างอื่น มี
การกสิกรรมและพาณิชยกรรมเป็นต้นก็ได้ ท่านอย่าทำกรรมหยาบช้าอย่างนี้เลย.
แม้เขาก็คิดว่า พระเถระผู้ถือผ้ามหาบังสุกุลพูด จึงเริ่มยืนฟังด้วยความเคารพ.
ลำดับนั้น พระเถระนั้น คิดว่า เราจักยังความใคร่พึงให้เกิดแก่เขา จึงยัง
นิ้วหัวแม่มือให้ลุกโพลงขึ้น. เขาเห็นแม้ด้วยตา ได้ยินแม้ด้วยหู แต่จิตใจ
ของเขาแล่นไปตามรอยเท้าเนื้ออย่างนี้ว่า เนื้อจักไปสู่ที่โน้น ลงท่าโน้น
เราจักไปฆ่ามันในที่นั้น กินเนื้อตามต้องการแล้ว จักหาบเนื้อที่เหลือไปฝาก
ลูก ๆ. บทว่า โอวทติ ดังนี้ ท่านกล่าวหมายถึงพระเถระผู้แสดงธรรมนั้น
แก่พรานผู้ฟู้งซ่านอย่างนี้. บทว่า อชฺฌภาสิ ความว่า พระเถระนี้ ยังการ
งานทั้งของตน ทั้งของพรานนั้นให้พินาศ เหมือนอย่างคนถากของคนอื่นที่ไม่
ใช่ไม้ฟืน เหมือนอย่างคนหว่านข้าวในที่ไม่ใช่นา คิดว่า เราจักเตือนเขา จึงกล่าว.
บทว่า อปฺปปญฺญํ แปลว่า ไม่มีปัญญา. บทว่า อเจตสํ ได้แก่ ปราศจาก
ความคิดที่สามารถรู้เหตุการณ์. บทว่า มนฺโทว แปลว่า เหมือนคนโง่เขลา.
บทว่า สุณาติ ได้แก่ ฟังธรรมกถาของท่าน. บทว่า น วิชานาติ ได้แก่