เมนู

9. โกณฑัญญสูตร



พระวังคีสะสรรเสริญพระอัญญาโกณฑัญญะ



[751] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์
ครั้งนั้นแล ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับต่อกาลนานนักทีเดียว ครั้นแล้วได้หมอบลงแทบพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า จูบพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าด้วยปาก นวดฟั้นด้วยมือทั้งสอง และประกาศชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มี
พระภาคเจ้า ข้าพระองค์ขอว่า โกณฑัญญะ ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์
ชื่อว่าโกณฑัญญะ ดังนี้.
[752] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะมีความคิดดังนี้ว่า ท่านพระ-
อัญญาโกณฑัญญะนี้ นานนักทีเดียวจึงได้เข้าเผ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นเข้า
เฝ้าแล้ว ได้หมอบลงแทบพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า
จูบพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยปาก นวดฟั้นด้วยมือทั้งสอง
และประกาศชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ชื่อว่า โกณฑัญญะ
ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ชื่อว่า โกณฑัญญะ อย่ากระนั้นเลย เราพึงชมเชย
ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย
คาถาทั้งหลายตามสมควรเถิด.
ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะแล้ว ประณมอัญชลีไป
ทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เนื้อความนี้ย่อมแจ่มเเจ้งกะข้าพระองค์ ข้าแต่
พระสุคต เนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า เนื้อความนั้นจงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด
วังคีสะ ดังนี้.
[753] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะได้ชมเชยท่านพระอัญญาโกณ-
ฑัญญะ เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควรว่า
พระโกณฑัญญะเถระนี้ เป็นผู้ตรัสรู้
ตามพระพุทธองค์ เป็นผู้มีความเพียร
เครื่องก้าวหน้าอย่างแรงกล้า เป็นผู้ได้
ธรรมเครื่องอยู่ทั้งหลายอันเกิดแต่
วิเวกเนืองนิตย์ คุณอันใดอันพระสาวกผู้
ทำตามคำสอนของพระศาสดาพึงบรรลุ
คุณอันนั้นทุกอย่างอันพระโกณฑัญญะ
เถระนั้น เป็นผู้ไม่ประมาทศึกษาอยู่บรรลุ
แล้วโดยลำดับ พระโกณฑัญญะเถระเป็น
ผู้มีอานุภาพมาก เป็นผู้ได้วิชชา 3 เป็น
ผู้ฉลาดในเจโตปริยญาณ เป็นทายาทของ
พระพุทธองค์ ไหว้อยู่ซึ่งพระบาททั้งสอง
ของพระศาสดา ดังนี้.

อรรถกถาโกณฑัญญสูตร



ในโกณฑัญญสูตรที่ 9 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อญฺญาโกณฺฑญฺโญ ได้แก่ พระเถระที่ได้ชื่ออย่างนั้น
เพราะรู้ทั่วถึงธรรมก่อนเขา. บทว่า สุจิรสฺเสว ได้แก่ ต่อกาลนานเท่าไร.
ตลอดกาลประมาณ 12 ปีนี้. ถามว่าอยู่ในที่ไหน. ตอบว่าอยู่ในสถานที่อยู่แห่ง
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ใกล้สระมันทากินีโปกขรณี ในถิ่นข้างตระกูล
ฉัททันตะ เพราะเหตุไร. เพราะเคารพในวิหาร. ก็ท่านเป็นพระมหาสาวก
ผู้มีบุญ พระคุณของท่านแผ่ไปในภายในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในหมื่น
จักรวาลเหมือนพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า. เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ไปยังสำนักของพระตถาคต กระทำการบูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น
คิดว่า ท่านเป็นพระสาวกผู้แทงตลอดธรรมเลิศ แล้วเข้าไปบูชาพระเถระถัดไป
จริงอยู่ ธรรมดาว่าผู้ที่มาสู่สำนักเป็นอันท่านต้องทำธรรมกถา หรือปฏิสันถาร
เห็นปานนี้. ก็พระเถระเป็นผู้หนักในวิหาร ด้วยเหตุนั้น ธรรมนั้นของท่าน
จึงปรากฏเป็นประหนึ่งเนิ่นช้า. เพราะท่านเป็นผู้เคารพในวิหารดังว่ามานี้
ท่านจึงไปอยู่ในที่นั้น.
อีกเหตุหนึ่ง ก่อนอื่นในเวลาภิกขาจาร พระสาวกทั้งปวง ย่อมไปตาม
ลำดับพรรษา. ก็ในเวลาแสดงธรรม เมื่อพระศาสดาประทับนั่งบนพุทธอาสน์
ที่เขาตกแต่งไว้ตรงกลาง พระธรรมเสนาบดีนั่ง ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องขวา
พระโมคคัลลานะนั่ง ณ ข้างพระหัตถ์เบื้องซ้าย. ส่วนเบื้องหลังแห่งพระสาวก
ทั้ง 2 นั้น เขาปูอาสนะไว้สำหรับพระอัญญาโกณฑัญญะ. เหล่าภิกษุที่เหลือ
นั่งแวดล้อมท่าน. พระอัครสาวกทั้ง 2 มีความเคารพในพระเถระ เพราะท่าน