เมนู

2. สีหสูตร



ว่าด้วยบันลือสีหนาท



[449] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร-
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ก็สมัยนั้นแล พระองค์แวดล้อมด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ทรงแสดงธรรม
อยู่.
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า พระสมณโคดม
นี้แล แวดล้อมด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ แสดงธรรมอยู่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปใกล้
ณ ที่พระสมณโคดมประทับอยู่. เพราะประสงค์จะยังปัญญาจักษุให้พินาศ.
[450] ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเข้าถึง
ประทับ ครั้นแล้ว กล่าวกะพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
ท่านเป็นผู้องอาจในบริษัท บันลือ
สีหนาท ดุจราชสีห์ ฉะนั้นหรือ ก็ผู้ที่พอ
จะต่อสู้ท่านยังมี ท่านเข้าใจว่าเป็นผู้ชนะ
แล้วหรือ.

[451] พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า
ตถาคตเป็นมหาวีรบุรุษ องอาจใน
บริษัท บรรลุทสพลญาณ ข้ามตัณหา
อันเป็นเหตุข้องในโลกเสียได้ บันลืออยู่
โดยแท้.

ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
รู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาสีหสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสีหสูตรที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า วิจกฺขุกมฺมาย ได้แก่ เพื่อประสงค์จะทำปัญญาจักษุของ
บริษัทให้เสีย. แต่มารนั้น ไม่อาจทำปัญญาจักษุของพระพุทธะทั้งหลายให้เสียได้
ได้แต่ประกาศหรือสำแดงอารมณ์ที่น่ากลัวแก่บริษัท. บทว่า วิชิตาวี นุ
มญฺญสิ
ความว่า ท่านยังสำคัญว่า เราเป็นผู้ชนะอยู่หรือหนอ ท่านอย่าสำคัญ
อย่างนี้ ความชนะของท่านไม่มีดอก. บทว่า ปริสาสุ ได้แก่ ในบริษัท 8.
บทว่า พลปฺปตฺตา ได้แก่ ผู้บรรลุทศพลญาณ.
จบอรรถกถาสีหสูตรที่ 2