เมนู

7. นวกัมมิกสูตร



ว่าด้วยความยินดี



[705] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ไพรสณฑ์
แห่งหนึ่งในแคว้นโกศล.
สมัยหนึ่ง นวกัมมิกภารทวาชพราหมณ์ให้คนทำงานอยู่ในไพรสณฑ์
นั้น เขาได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งประทับนั่งคู้บัลลังก์ (นั่งขัดสมาธิ)
ตั้งพระกายตรง ดำรงพระสติไว้เฉพาะหน้า ที่โคนสาลพฤกษ์ต้นหนึ่ง ครั้น
เห็นแล้ว เขามีความคิดว่า เราให้คนทำงานอยู่ในไพรสณฑ์นี้จึงยินดี ส่วน
พระสมณะนี้ ให้คนทำอะไรอยู่จึงยินดี.
[706] ลำดับนั้น นวกัมมิกภารทวาชพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้าถึงที่ประทับแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
ข้าแต่ท่านภิกษุ ท่านทำงานอะไร
หรือ จึงอยู่ในป่าสาลพฤกษ์ พระโคดม
อยู่ในป่าผู้เดียว ได้ความยินดีอะไร.

[707] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
เราไม่มีกรณียกิจในป่าดอก เพราะ
เราถอนรากเง่าป่าอันเป็นข้าศึกเสียแล้ว
เราไม่มีป่าคือกิเลส ปราศจากลูกศรคือ
กิเลส ละความกระลันเสียแล้ว จึงยินดี
อยู่ผู้เดียวในป่า.

[708] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเช่นนี้แล้ว นวกัมมิกภารทวาช-
พราหมณ์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค จ้าว่า ท่านพระโคดม ภาษิตของ

พระองค์แจ่มแจ้งนัก ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์
ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิด
บอกทางแก่คนหลงทาง ส่องประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจะมอง
เห็นรูปได้ ข้าแต่ท่านพระโคดม ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้ากับ
พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็น
อุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.

อรรถกถานวกัมมิกสูตร



ในนวกัมมิกสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า นวกมฺมิกภารทฺวาโช ความว่า เล่ากันมาว่าพราหมณ์นั้น
ให้ตัดต้นไม้ในป่าประกอบเป็นปราสาทและเรือนยอดในป่านั้นเอง แล้วนำมา
ขายยังพระนครชื่อว่า นวกัมมิก เพราะอาศัยนวกรรมเลี้ยงชีพดังกล่าวแล้ว
โดยโคตรชื่อว่า ภารทวาชะ เหตุนั้นจึงชื่อว่า นวกัมมิกภารทวาชะ. บทว่า
ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ความว่า พราหมณ์นั้นได้มีความคิดดังนี้ เพราะ
เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง เปล่งพระฉัพพัณณรังสี. บทว่า วนสฺมึ
ได้แก่ในไพรสนฑ์นี้. บทว่า อุจฺฉินฺนมูลํ เม วนํ ความว่า ป่าคือกิเลส
อันเราถอนรากเสียแล้ว. บทว่า นิพฺพนโถ ได้แก่ ปราศจากป่าคือกิเลส.
บทว่า เอโก รเม ได้แก่ เรายินดีแต่ผู้เดียวเท่านั้น. บทว่า อรตึ วิปฺปหาย
ความว่า ละความระอาในการเสพเสนาสนะอันสงัดและการเจริญภาวนา.
จบอรรถกถานวกัมมิกสูตรที่ 7