เมนู

เภสัชนั้นนั่นเอง น่าอัศจรรย์ ทานของพราหมณ์เป็นบรมทาน. พราหมณ์
ผู้ประสงค์ชื่อเสียง ได้ฟังดังนั้นแล้ว เกิดโสมนัสว่า กิตติศัพท์ของเรานี้ขจรไป
แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้เอง ประสงค์จะให้เขารู้เรื่องที่ตนกระทำแล้ว ในขณะ
นั้นเอง เข้าไปเฝ้าทำความคุ้นเคยในพระทศพล.
บทว่า ทชฺชา แปลว่า พึงให้. บทว่า กถํ หิ ยชมานสฺส ได้แก่
บูชาด้วยเหตุอะไร. บทว่า อิชฺฌติ ได้แก่มีผลมาก. บทว่า โย เวทิ ความว่า
ได้กระทำผู้ที่รู้ทั่วถึงให้ปรากฏชัด. ปาฐะว่า โย เวติ ดังนี้ก็มี. อธิบายว่า
ผู้ใดย่อมรู้ คือรู้ทั่วถึง. บทว่า ปสฺสติ ได้แก่ ย่อมเห็นด้วยทิพยจักษุ. บทว่า
ชาติกฺขยํ ได้แก่พระอรหัต. บทว่า อภิญฺญา โวสิโต ความว่า อยู่จบ
พรหมจรรย์ คือถึงที่สุดพรหมจรรย์ คือความเป็นผู้ทำกิจเสร็จแล้ว เพราะรู้.
บทว่า เอวํ หิ ยชมานสฺส ความว่า บูชาอยู่ด้วยอาการนี้ คืออาการบูชา
พระขีณาสพ.
จบอรรถกถาเทวหิตสูตรที่ 3

4. มหาศาลสูตร



ว่าด้วยบุตรขับบิดาออกจากเรือน



[689] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้น พราหมณมหาศาลคนหนึ่ง เป็นคนปอน นุ่งห่มปอน
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ สนทนาปราศรัยกับ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพราหมณมหาศาลนั้น ผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่งแล้วว่า ดูก่อนพราหมณ์ ทำไมท่านจึงเป็นคนปอน นุ่งห่มก็ปอน.

พราหมณมหาศาลกราบทูลว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม พวกบุตรของข้า
พระองค์ 4 คนในบ้านนี้คบคิดกับภรรยาแล้วขับข้าพระองค์ออกจากเรือน.
[690] ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเรียนคาถานี้แล้ว
เมื่อหมู่มหาชนประชุมกันที่สภา และเมื่อพวกบุตรมาประชุมพร้อมแล้ว จง
กล่าวว่า
เราชื่นชม และปรารถนาความเจริญ
แก่บุตรเหล่าใด บุตรเหล่านั้นคบคิดกันกับ
ภรรยารุมว่าเรา ดังสุนัขรุมเห่าสุกร เขาว่า
พวกมัน เป็นอสัตบุรุษลามก ร้องเรียกเราว่า
พ่อ ๆ พวกมันประดุจยักษ์แปลงเป็นบุตร
มา ละทิ้งเราผู้ล่วงเข้าปัจฉิมวัยไว้.
พวกมันกำจัดคนแก่ไม่มีสมบัติออก-
จากที่ (อาศัย) กิน ดังม้าแก่ที่เจ้าของ
ปล่อยทิ้งฉะนั้น.
บิดาของบุตรพาลเป็นผู้เฒ่าต้องขอ
ในเรือนผู้อื่นได้ยินว่าไม่เท้าของเรายังจะ
ดีกว่า พวกบุตรที่ไม่เชื่อฟังจะดีอะไร
เพราะไม้เท้ายังป้องกันโค หรือสุนัขดุได้
ในที่มืดยังใช้ยันไปข้างหน้าได้ ในที่ลึก
ยังใช้หยั่งดูได้ พลาดแล้วยังยั้งอยู่ได้ด้วย
อานุภาพไม้เท้า.

[691] ครั้งนั้นแล พราหมณมหาศาลนั้นเรียนคาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว เมื่อหมู่มหาชนประชุมกันในสภา และเมื่อพวกบุตร
มาประชุมแล้วจึงได้กล่าวว่า
เราชื่นชมและปรารถนาความเจริญ
แก่บุตรเหล่าใด บุตรเหล่านั้น คบคิดกัน
กับภรรยารุมว่าเรา ดังสุนัขรุมเห่าสุกร
เขาว่าพวกมันเป็นอสัตบุรุษลามก ร้องเรียก
เราว่าพ่อ ๆ พวกมันประดุจยักษ์แปลงเป็น
บุตรมา ละทิ้งเราผู้ล่วงเข้าปัจฉิมวัยไว้
พวกมัน กำจัดคนแก่ไม่มีสมบัติออกจากที่
(อาศัย) กิน ดังม้าแก่ที่เจ้าของปล่อยทิ้ง
ฉะนั้น.
บิดาของบุตรพาลเป็นผู้เฒ่าต้องขอ
ในเรือนผู้อื่น ได้ยินว่าไม้เท้าของเรายังจะ
ดีกว่า พวกบุตรที่ไม่เชื่อฟังจะดีอะไร
เพราะไม้เท่ายังป้องกันโคหรือสุนัขดุได้
ในที่มืดยังใช้ยันไปข้างหน้าได้ ในที่ลึก
ยังใช้หยั่งดูได้ พลาดแล้วยังยั้งอยู่ได้ด้วย
อานุภาพไม้เท้า.

[692] ลำดับนั้น พวกบุตรนำพราหมณมหาศาลนั้นไปยังเรือนให้
อาบน้ำแล้วให้นุ่งห่มผ้าคู่หนึ่ง ๆ ทุก ๆ คน.

พราหมณมหาศาลนั้น ถือผ้าคู่หนึ่งไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่
ประทับ สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ท่านพระโคดม ข้าพเจ้าชื่อว่า
เป็นพราหมณ์ ย่อมแสวงหาทรัพย์สำหรับอาจารย์มาให้อาจารย์ ขอท่าน
พระโคดมผู้เป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าจงรับส่วนของอาจารย์เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับด้วยความอนุเคราะห์.
[693] ครั้งนั้น พราหมณมหาศาลนั้น ได้กราบทูลพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่
ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรม
โดยอเนกปริยาย ดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
ส่องประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักมองเห็นรูปได้ ข้าแต่ท่านพระ-
โคดม ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์
ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงพระรัตนตรัย
เป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.

อรรถกถามหาศาลสูตร



ในมหาศาลสูตรที่ 4 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ลูโข ลูขปาปุรโณ ได้แก่เป็นคนแก่ มีผ้าห่มเก่า. บทว่า
อุปสงฺกมิ ความว่า เพราะเหตุไร พราหมณ์จึงเข้าไปหา. เล่ากันมาว่า
ในเรือนของพราหมณ์นั้นได้มีทรัพย์ถึง 8 แสน. พราหมณ์นั้นได้ทำอาวาห-
มงคลแก่บุตร 4 คน จ่ายทรัพย์ถึง 4 แสน. ลำดับนั้น เมื่อนางพราหมณี