เมนู

ความสิ้นไปแห่งอุปธิทั้งปวง กงการอะไร
ของท่านในเรื่องนี้เล่ามารเอ๋ย.

ครั้งนั้น มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จัก
เรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาสุปปติสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสุปปติสูตรที่ 7 ต่อไป :-
บทว่า ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ได้แก่ ทรงล้างพระบาทเพื่อให้ยึดถือ
ธรรมเนียมไว้. ก็ผงธุลี ย่อมไม่ติดในพระสีรระของพระพุทธะทั้งหลาย. แม้
แต่น้ำก็กลิ้งไปเหมือนน้ำที่ใส่ในใบบัว. อีกนัยหนึ่ง การล้างเท้าในที่ล้างเท้าเข้า
บ้าน เป็นธรรมเนียมของนักบวชทั้งหลาย ธรรมดาพระพุทธะทั้งหลาย ชื่อว่า
ไม่ทรงทำลายธรรมเนียมในข้อนั้น ก็พระพุทธะทั้งหลาย ตั้งอยู่ในหัวข้อแห่ง
ธรรมเนียมย่อมล้างพระบาท. จริงอยู่ ถ้าพระตถาคต ไม่พึงสรงน้ำไม่ล้าง
พระบาทไซร้ คนทั้งหลายก็จะพึงพูดว่า ผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้น พระ
ผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงละเลยกิริยาของมนุษย์ จึงทรงล้างพระบาท. บทว่า
สโต สมฺปชาโน ได้แก่ทรงประกอบด้วยสติสัมชัญญะ ที่กำหนดเอาความ
หลับเป็นอารมณ์. ด้วยบทว่า อุปสงฺกมิ ท่านกล่าวว่า มารคิดว่า พระสมณ
โคดม ทรงจงกรมในที่แจ้งตลอดคืนยังรุ่ง แล้วเข้าพระคันธกุฏี บรรทม คง
จักบรรทมเป็นสุขอย่างเหลือเกิน จำเราจักแกล้งเธอ แล้วจึงไปเฝ้า.
ด้วยบทว่า กึ โสปฺปสิ มารกล่าวว่า ท่านหลับหรือ การหลับของ
ท่านนี้เป็นอย่างไร. บทว่า กึ นุ โสปฺปสิ ได้แก่ เพราะเหตุไร ท่านจึง

หลับ. บทว่า ทุพฺภโต วิย ได้แก่ หลับเหมือนตาย และหลับเหมือนสลบ.
ด้วยบทว่า สุญฺญมคารํ มารกล่าวว่าท่านหลับด้วยคิดว่า เราได้เรือนว่างแล้ว
หรือ. บทว่า สุริเย อุคฺคเต ความว่า เมื่อตะวันโด่งแล้ว ก็บัดนี้ ภิกษุทั้ง
หลาย กำลังกวาด ตั้งน้ำฉันเตรียมตัวไปภิกขาจาร เหตุไร ท่านจึงยังนอนอยู่
เล่า.
บทว่า ชาลินี ความว่า ตัณหา ชื่อว่า ดุจข่าย โดยข่ายอันเป็นส่วน
ของตน ซึ่งครอบงำภพทั้งสาม ตามนัยที่ว่า ซึ่งว่าตัณหาวิจริต 18 เพราะ
อาศัยอายตนะภายในเป็นต้น. บทว่า วิสฺตฺติกา ได้แก่ ตัณหาที่ชื่อว่าซ่านไป
เพราะซ่านไปในอารมณ์มีรูปเป็นต้นในภพนั้น ๆ เพราะมีรากเป็นพิษและ
เพราะบริโภคเป็นพิษ. บทว่า กุหิญฺจิ เนตเว ได้แก่ เพื่อนำไปในที่ไหน ๆ.
บทว่า สพฺพูปธีนํ ปริกฺขยา ได้แก่ เพราะสิ้นอุปธิทั้งหมด ต่างโดยเป็น
ขันธ์ กิเลส อภิสังขารและกามคุณ. บทว่า กึ ตเวตฺถ มาร ความว่า ดู
ก่อนมาร ประโยชน์อะไรของท่านในเรื่องนี้เล่า เหตุไร ท่านจึงเลาะริมรั้ว
ติเตียน เหมือนแมลงวันตัวเล็ก ๆ ไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในข้าวต้มที่ร้อน ๆ ได้.
จบอรรถกถาสุปปติสูตรที่ 7

8. นันทนสูตร



ว่าด้วยเหตุเศร้าโศกของนรชน



[437] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
[438] ครั้งนั้น มารผู้มีบาปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้
กล่าวคาถานี้ในสำนัก พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
คนมีบุตร ย่อมเพลิดเพลินเพราะ
บุตร คนมีโคก็ย่อมเพลิดเพลินเพราะโค
ฉันนั้นเหมือนกัน อุปธิทั้งหลายนั่นแล
เป็นเครื่องเพลิดเพลินของนรชน เพราะ
คนที่ไม่มีอุปธิหาเพลิดเพลินไม่.

[439] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป
จึงได้ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่า
คนมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร
คนมีโคก็ย่อมเศร้าโศกเพราะโค ฉันนั้น
เหมือนกัน อุปธิทั้งหลายนั่นแล เป็นเหตุ
เศร้าโศกของนรชน เพราะคนที่ไม่มีอุปธิ
หาเศร้าโศกไม่.