เมนู

อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ก็แหละท่านภารทวาชะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์
ทั้งหลาย ดังนี้แล.

อรรถกถาพิลังคิกสูตร



ในพิลังคิกสูตรที่ 4 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า พิลงฺคิกภารทฺวาโช ได้แก่ พราหมณ์นั้น ชื่อว่า ภารทวาชะ.
แต่เขาให้การทำน้ำข้าวล้วน ๆ และปรุงด้วยเครื่องปรุง มีประการต่าง ๆ ไว้ขาย
รวบรวมทรัพย์ไว้เป็นอันมาก เพราะฉะนั้น พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย จึง
ตั้งชื่อเขาว่า พิลังคิกภารทวาชะ. บทว่า ตุณฺหีภูโต ความว่า เขาคิดว่า
ผู้นี้ให้พี่ชายทั้ง 3 ของเราบวช ก็โกรธอย่างยิ่ง เมื่อไม่อาจพูดอะไรได้ จึงได้
หยุดนิ่งเสีย ท่านกล่าวคาถาไว้แล้ว ในเทวตาสังยุตแล.
จบอรรถกถาพิลังคิกสูตรที่ 4

5. อหิงสกสูตร



ว่าด้วยผู้ควรชื่อว่าอหิงสกะ



[641] สาวัตถีนิทาน.
ครั้งนั้นแล อหิงสกภารทวาชพราหมณ์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ยังที่ประทับ ครั้นแล้ว สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ครั้นผ่าน
การปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
อหิงสกภารทวาชพราหมณ์ นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ชื่อว่า
อหิงสกะ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ชื่อว่าอหิงสกะ.
[642] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ถ้าว่าท่านมีชื่อว่าอหิงสกะ ท่านพึง
เป็นผู้ไม่เบียดเบียนด้วยกายด้วยวาจาและ
ด้วยใจ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ชื่อว่า อหิงสกะ
โดยแท้ เพราะไม่เบียดเบียนซึ่งผู้อื่น.

[643] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว อหิงสกภารทวาช-
พราหมณ์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิต
ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้ง
นัก ฯลฯ ก็แหละพระอหิงสกภารทวาชะ ได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ใน
บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล.