เมนู

ในที่มืด ด้วยคิดว่า คนมีจักษุ ย่อมเห็นรูปได้ ฉะนั้น ข้าพระองค์นี้ ขอถึง
พระโคดมผู้เจริญกับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอข้าพระองค์
พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักของพระโคดมผู้เจริญ.
พราหมณภารทวาชโคตรได้บรรพชาได้อุปสมบทแล้วในสำนักของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ท่านพระภารทวาชะอุปสมบทแล้วไม่นาน หลีกไปอยู่
ผู้เดียวไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ไม่นานเท่าไรนัก ก็กระทำ
ให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษอันยอดเยี่ยม เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ซึ่งกุลบุตรทั้งหลาย
ผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ มีความต้องการ ด้วยปัญญาเป็น
เครื่องรู้ยิ่งเองในปัจจุบันนี้เข้าถึงอยู่ ได้ทราบว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่
จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
ก็แหละท่านพระภารทวาชะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์
ทั้งหลาย ดังนี้แล.

พราหมณสังยุต



อรรถกถาธนัญชานีสูตร



อรหันตวรรคสูตรที่ 1 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ธนญฺชานี ได้แก่ นางพราหมณี สกุลธนัญชานี ได้ยินว่า
นางพราหมณีมีสกุลสูง. เล่ากันมาว่า พวกพราหมณ์นอกนั้นเกิดแต่ปากของ
พรหม. พราหมณ์เหล่านั้นมีลัทธิดังนี้ว่า สกุลธนัญชานีทำลายกระหม่อมออกมา.
บทว่า อุทานํ อุทาเนสิ ความว่า ถามว่าเพราะเหตุไร พราหมณีจึงได้

เปล่งวาจา ได้ยินว่า พราหมณ์สามีนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อนางกล่าวว่า พุทฺโธ
ธมฺโม สงฺโฆ
ก็ปิดหูเสีย เป็นคนกระด้างเสมือนตอไม้ตะเคียน ส่วนพราหมณี
เป็นอริยสาวกผู้โสดาบัน. พราหมณ์เมื่อให้ทาน ย่อมให้ข้าวปายาสมีน้ำน้อย
แก่พราหมณ์ 500 คน. พราหมณีได้ให้โภชนะมีรสต่าง ๆ แก่หมู่ภิกษุมี
พระพุทธเจ้าเป็นประธาน. ในวันที่พราหมณ์ให้ทาน พราหมณีได้อังคาสด้วย
มือของตน เพราะอยู่ในอำนาจของพราหมณ์นั้น และเพราะละความตระหนัก
เสียได้. แต่ในวันที่พราหมณีให้ทาน พราหมณ์ก็หนีออกไปจากเรือนแต่เช้าตรู่
ต่อมาวันหนึ่ง พราหมณ์จึงปรึกษากับพราหมณี เชิญพราหมณ์ 500 มาแล้ว
กล่าวกะพราหมณีว่า แน่ะแม่จำเริญ พรุ่งนี้ พราหมณ์ 500 คน จักบริโภคใน
เรือนของเรานะ. นางถามว่า ฉันจะช่วยอะไรได้บ้างละพราหมณ์. พราหมณ์
กล่าวว่า ไม่มีกิจอะไรอื่นที่เจ้าจะต้องช่วยดอก คนเหล่าอื่นจักการทำการหุงต้ม
และอังคาสทั้งหมด ข้อที่เจ้ายืนก็ดี นั่งก็ดี จามก็ดี ไอก็ดี ทำการนอบน้อม
แก่สมณะโล้นนั้นว่า นโม พุทฺธสฺส นั้น พรุ่งนี้ เจ้าอย่าทำสิ่งนั้นสักวันหนึ่งเถิด
ด้วยว่าพราหมณ์ทั้งหลายได้ยินดังนั้นแล้วจะไม่พอใจ เจ้าอย่าทำเราให้แตก
จากพราหมณ์ทั้งหลายเลย. นางกล่าวว่า ท่านจะแตกจากพราหมณ์ก็ดี จาก
เทวดาก็ดี ส่วนฉันระลึกถึงพระศาสดา ไม่นอบน้อม ไม่สามารถที่จะอดกลั้น
อยู่ได้ พราหมณ์กล่าวว่า แน่ะแม่มหาจำเริญ ก่อนอื่น เจ้าต้องพยายามปิด
ประตูบ้านในบ้าน 100 ตระกูล เมื่อไม่สามารถจะปิดปากที่จะพึงปิดด้วย
ทั้ง 2 ชั่วเวลาที่พวกพราหมณ์บริโภค. พราหมณ์นั้นแม้พูดซ้ำซาก อย่างนี้
ก็ไม่อาจห้ามได้ด้วยความรัก จึงถือเอาพระขรรค์ที่วางไว้บนหัวนอนกล่าวว่า
แม่มหาจำเริญ เมื่อพราหมณ์นั่งประชุมกันพรุ่งนี้ ถ้าเจ้านมัสการสมณโล้น
นั้นไซร้ เราจะเอาพระขรรค์เล่มนี้สับเจ้า ตั้งแต่พื้นเท้าจนถึงปลายผม ทำให้
เป็นกองเหมือนหน่อไม้ ดังนี้แล้ว ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

ถ้าเจ้ายังอยู่ในเรือนของเรา ไม่ทำ
ตามสิ่งที่เราปรารถนา ยังจะพูดอยู่ว่า
พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ดังนี้ เราจะเอา
พระขรรค์เล่มนี้บั่นเจ้า ตั้งแต่เท่าจนถึง
ศีรษะ เหมือนบั่นหน่อไม้.

ส่วนพราหมณี ผู้เป็นอริยสาวิกา ไม่มีความหวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน
ไม่มีความสะทกสะท้านเหมือนภูเขาสิเนรุ. เพราะฉะนั้น นางจึงกล่าวกะ
พราหมณ์นั้น อย่างนี้ว่า
ท่านพราหมณ์ ถ้าท่านจะตัดอวัยวะ
น้อยใหญ่ของเราก็ตาม เราจะไม่เว้นจาก
ศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลย
ท่านไม่อาจห้ามเราจากพระชินเจ้าผู้ทรงคุณ
อันประเสริฐ เป็นที่พึ่งอาศัยของเราได้
ดอก ท่านจะตัดหรือจะต้มเราก็ตามทีเถิด
เราก็ชื่อว่าเป็นธิดาของพระพุทธเจ้าผู้
ประเสริฐแล้ว.

ธนัญชานีพราหมณี ขู่พราหมณ์ผู้คุกคาม จึงได้กล่าวคาถา 500 คาถา
ด้วยประการฉะนี้. พราหมณ์ไม่อาจจับต้องหรือตีพราหมณี กล่าวว่า แม่มหา
จำเริญ เจ้าจงทำตามที่เจ้าชอบใจเถิด แล้วก็โยนพระขรรค์ไปบนที่นอน. ใน
วันรุ่งขึ้น จึงให้สร้างเรือนฉาบด้วยของเขียวสด ให้ประดับด้วยข้าวตอกหม้อ
เต็มด้วยน้ำดอกไม้และของหอมเป็นต้นในที่นั้น ๆ แล้วให้จัดข้าวปายาสมีน้ำน้อย
ปรุงด้วยเนยข้นเนยใสน้ำตาลกรวดและน้ำผึ้ง แล้วให้บอกเวลาแก่พราหมณ์
500 คน.

ฝ่ายพราหมณีเองอาบน้ำหอมแต่เช้าตรู่ นุ่งผ้าใหม่มีราคา 1,000 เอา
ผ้ามีราคา 500 เฉวียงบ่า ประดับด้วยเครื่องประดับทุกอย่าง ถือทัพพีทอง
อังคาสเลี้ยงดูพวกพราหมณ์ในโรงอาหาร น้อมนำอาหารไปให้พราหมณ์นั้น
ผู้นั่งในแถวเดียวกับพราหมณ์เหล่านั้น ลื่นลงที่กองไม้ที่เขาเก็บไว้ไม่เรียบร้อย.
ทุกขเวทนาเกิดขึ้นแก่นาง เพราะกระแทกในการลื่นล้มลง. ขณะนั้นนางระลึก
ถึงพระทศพล. แต่เพราะนางสมบูรณ์ด้วยสติ นางก็ไม่ทิ้งถาดข้าวปายาส ค่อยๆ
วางลงที่พื้น ประคองอัญชลีเหนือเศียร ในท่ามกลางพราหมณ์ 500 คน
แล้วน้อมอัญชลีไปทางพระวิหารเชตวัน จึงได้เปล่งอุทานนี้.
ก็เวลานั้น บรรดาพราหมณ์เหล่านั้น บางพวกบริโภคเสร็จแล้ว
บางพวกกำลังบริโภค บางพวกพอลงมือ บางพวกเพียงวางโภชนะไว้ข้างหน้า
พราหมณ์เหล่านั้น พอได้ยินเสียงนั้น เป็นเสมือนถูกฆ้อนเท่าภูเขาสิเนรุฟาดลง
บนศีรษะ และเหมือนถูกหลาวแทงที่หู เสวยทุกข์โทมนัสโกรธว่า พวกเรา
ถูกคนนอกลัทธินี้ ลวงเราให้เข้าไปสู่เรือน จึงทิ้งก้อนข้าว คายสิ่งที่อมไว้
เป็นเหมือนกาเห็นธนู พลางด่าพราหมณ์พากันหลีกไปคนละทิศคนละทาง.
พราหมณ์เห็นพวกพราหมณ์ต่างพากันแยกไปอย่างนั้น มองดูนางพราหมณีตั้ง
แต่ศีรษะ คิดว่า พวกเราเห็นภัยนี้แล จึงขอร้องนางมหาจำเริญตั้งแต่วันวาน
ก็ไม่ได้ จึงด่านางพราหมณีโดยประการต่าง ๆ แล้วได้กล่าวกะนางมีอาทิว่า
เอวเมว ปน ดังนี้.
บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า พราหมณ์ไปด้วยคิดว่าพระสมณโคดม
ผู้อันชาวบ้านชาวนิคมและชาวแว่นแคว้นบูชาแล้ว ใคร ๆ ไม่อาจจะไปว่ากล่าว
คุกคามอย่างใด ๆ ได้ จำเราจักถามปัญหาสักข้อหนึ่ง จึงได้แต่งคาถาว่า กึสุ

ฆตฺวา เป็นต้น แล้วคิดว่า ถ้าพระสมณโคดมจักกล่าวว่า เราชอบใจการฆ่า
บุคคลชื่อโน้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจักข่มท่านว่า ท่านปรารถนาจะฆ่าเหล่าชน
ที่ท่านไม่ชอบใจ ท่านเกิดมาเพื่อจะฆ่าโลก ความเป็นสมณะของท่านจะมี
ประโยชน์อะไร ถ้าพระสมณโคดมจักกล่าวว่า เราไม่ชอบใจการฆ่าใคร ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะข่มท่านว่า ท่านไม่ปรารถนาจะฆ่ากิเลสมีราคะเป็นต้น
เพราะเหตุไร ท่านจึงเป็นสมณะเที่ยวไป ดังนั้น ปัญหา 2 เงื่อนนี้ พระ-
สมณโคดมก็จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนี้แล้ว ก็หลีกไป. บทว่า สมฺโมทิ
ความว่า พราหมณ์ไม่แสดงความโกรธ เพราะคนเป็นบัณฑิต จึงกล่าวถ้อยคำ
ไพเราะชื่นชมกัน. ท่านกล่าวปัญหาไว้ในเทวตาสังยุต. แม้คำที่เหลือท่านกล่าว
ไว้พิสดารแล้วในหนหลังแล.
จบอรรถกถาธนัญชานีสูตรที่ 1

2. อักโกสกสูตร



ว่าด้วยพระพุทธเจ้าไม่รับคำด่าของพราหมณ์



[631] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวัน
อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์.
อักโกสกภารทวาชพรหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่า พราหมณภารทวาช
โคตรออกจากเรือบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดมแล้ว ดังนี้
ก็โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ด่าบริภาษ
พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ.