เมนู

6. สัปปสูตร



มารนิรมิตเพศเป็นพระยางู



[431] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันอันเป็น
สถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์.
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทับนั่งกลางแจ้งในราตรีอันมืดสนิท
ทั้งฝนก็ลงเม็ดประปรายอยู่.
[432] ครั้งนั้น มารผู้มีบาปประสงค์จะให้เกิดความกลัว ความ
ครั้นคร้าม ขนลุกขนพองแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงนิรมิตเพศเป็นพระยางูใหญ่
เข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ กายของพระยางูนั้นเป็นเหมือนเรือ
ลำใหญ่ที่ขุดด้วยซุงทั้งต้น พังพานของมันเป็นเหมือนเสื่อลำแพนผืนใหญ่
สำหรับ ปูตากแป้งของนักผลิตสุรา นัยน์ตาของมันเป็นเหมือนถาดสำริดขนาด
ใหญ่ของพระเจ้าโกศล ลิ้นของมันแลบออกจากปากเหมือนสายฟ้าแลบ ขณะ
เมฆกำลังกระหึ่ม เสียงหายใจเข้าออกของมัน เหมือนเสียงสูบช่างทองที่กำลัง
พ่นลมอยู่ฉะนั้น.
[433] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า นี่มารผู้มีบาป
ดังนี้ จึงได้ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาทั้งหลายว่า
มุนีใดเสพเรือนว่างเปล่าเพื่ออยู่อาศัย
มุนีนั้นสำรวมตนแล้ว สละความอาลัยใน
อัตภาพนั้นเที่ยวไป เพราะการสละความ
อาลัยในอัตภาพแล้วเที่ยวไปนั้น เหมาะสม
แก่มุนีเช่นนั้น.

สัตว์ที่สัญจรไปมาก็มาก สิ่งที่น่ากลัว
ก็มา อนึ่ง เหลือบยุง และสัตว์เลื้อยคลาน
ก็ชุกชุม (แต่) มหามุนีผู้อยู่ในเรือนว่าง-
เปล่า ย่อมไม่ทำแม้แต่ขนให้ไหว เพราะ
สิ่งที่น่ากลัวเหล่านั้น.

ถึงแม้ท้องฟ้าจะแตก แผ่นดินจะไหว
สัตว์ทั้งหลายพึงสะดุ้งกลัวกันหมดก็ตามที
แม้ถึงว่าหอกจะจ่ออยู่ที่อกก็ตามเถิด พระ-
พุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ทรงป้องกันเพราะ
อุปธิ (คือขันธ์) ทั้งหลาย.

ครั้งนั้น มารผู้มีบาป เป็นทุกข์เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
รู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง.

อรรถกถาสัปปสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสัปปสูตรที่ 6 ต่อไป :-
บทว่า โสณฺฑิกา กิลญฺชํ ได้แก่ เสื่อลำแพน สำหรับเกลี่ยแป้ง
ของพวกทำสุรา. บทว่า โกสลิกา กํสจาฏิ ได้แก่ ภาชนะใส่ของเสวยขนาด
ล้อรถ ของพระเจ้าโกศล. บทว่า คฬคฬายนฺเต ได้แก่ ออกเสียงดัง บทว่า
กมฺมารคคฺคริยา ได้แก่ สูบเตาไฟของช่างทอง. บทว่า ธมมานาย ได้แก่
ให้เต็มด้วยลมในกระสอบหนัง. บทว่า อิติ วิทิตฺวา ความว่า มารคิดว่า
พระสมณโคดม ประกอบความเพียรเนือง ๆ นั่งเป็นสุข จำเราจักกระทบ
กระเทียมเขาดู แล้วเนรมิตอัตภาพมีประการดังกล่าวแล้วจึงเดินด้อม ๆ ณ
ที่ทรงทำความเพียร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นด้วยแสงฟ้าแลบ ทรงนึกว่า
สัตว์ ผู้นี้เป็นใครกันหนอ ก็ทรงทราบว่า ผู้นี้เป็นมาร ดังนี้
บทว่า สุญฺญเคหานิ แปลว่า เรือนว่าง. บทว่า เสยฺยา ความว่า
ผู้ใดเสพเรือนว่างทั้งหลาย เพื่อจะนอน คือเพื่อต้องการอย่างนี้ว่า เราจักยืน
จักเดิน จักนั่ง จักนอน. บทว่า โส มุนิ อตฺตสญฺญโต ความว่า
พุทธมุนีใด สำรวมตัวแล้ว เพราะไม่มีการคะนองมือและเท้า. บทว่า โวสฺสชฺช
จเรยฺย ตตฺถ โส
ความว่า พุทธมุนีนั้น สละความอาลัยเยื่อใยใน
อัตภาพนั้น พึงจาริกไป. บทว่า ปฏิรูปํ หิ ตถาวิธสฺส ตํ ความว่า
ความสละความเยื่อใยในอัตภาพนั้นจาริกไป ของพุทธมุนี ผู้เช่นนั้น คือผู้ดำรง
อยู่อย่างนั้น ก็เหมาะ ก็ชอบ ก็สมควร.
บทว่า จรกา ได้แก่ สัตว์ผู้สัญจรไปมีสีหะและเสือเป็นต้น . บทว่า
เภรวา ได้แก่ สภาพที่น่ากลัว ทั้งมีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ บรรดาสภาพ