เมนู

อรรถกถาหิริสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในหิริสูตรที่ 8 ต่อไป :-
ชนใดย่อมเกียดกันอกุศลธรรมทั้งหลายด้วยหิริ เพราะเหตุนั้น ชนนั้น
จึงชื่อว่าผู้เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ. บทว่า โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ นี้
เทวดาทูลถามว่า ใครๆ เห็นปานนี้ยังมีอยู่หรือ. บทว่า โย นินฺทํ อปโพเธติ
แปลว่า บุคคลใดเมื่อนำความครหา (ความชั่ว) ออกย่อมรู้.
บทว่า อสฺโส ภโทฺร กสามิว อธิบายว่า ม้าอาชาไนยตัวเจริญ
เมื่อสารถีนำแซ่ออกย่อมรู้ ย่อมไม่ให้แซ่ตกไปในตน เพราะเห็นเงาแห่งปฏัก
เป็นราวกะแทงอยู่ ฉันใด ภิกษุใด เมื่อไม่ให้อักโกสนวตถุ (เรื่องด่า)
อันเป็นจริงตกไปในตน ชื่อว่านำความนินทาออก เมื่อนำออกย่อมรู้ เทวดา
ทูลถามว่า พระขีณาสพเห็นปานนี้ สักองค์หนึ่งมีอยู่หรือ. แต่ว่า บุคคลผู้ชื่อว่า
พ้นจากการด่าด้วยถ้อยคำอันไม่เป็นจริง ย่อมไม่มี. บทว่า ตนุยา แปลว่า
น้อย อธิบายว่า ชื่อว่า พระขีณาสพทั้งหลายเกียดกันอกุศลธรรมทั้งหลายด้วย
หิริเที่ยวไปอยู่ มีน้อย. บทว่า สทา สตา ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยความ
ไพบูลย์แห่งสติตลอดกาลเป็นนิตย์. บทว่า อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺย ได้แก่
บรรลุพระนิพพานอันเป็นธรรมที่สิ้นสุดของวัฏทุกข์. คำที่เหลือ มีนัยตามที่
กล่าวแล้วนั่นแหละ.
จบอรรถกถาหิริสูตรที่ 8

9. กุฏิกาสูตร



ว่าด้วยมารดาเหมือนกระท่อมเป็นต้น



[40] เทวดากล่าวว่า
กระท่อมของท่านไม่มีหรือ รังของ
ท่านไม่มีหรือ เครื่องสืบต่อของท่านไม่มี
หรือ ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูกหรือ.

[41] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
แน่ละ กระท่อมของเราไม่มี แน่ละ
รังของเราไม่มี แน่ละ เครื่องสืบต่อของ
เราไม่มี แน่ละ เราเป็นผู้พ้นแล้วจาก
เครื่องผูก.

[42] เทวดากล่าวว่า
ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่า อะไรเป็น
กระท่อม ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไร
เป็นรัง ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไรเป็น
เครื่องสืบต่อ ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่า
อะไรเป็นเครื่องผูก.

[43] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ท่านกล่าวมารดาว่าเป็นกระท่อม
ท่านกล่าวภรรยาว่าเป็นรัง ท่านกล่าวบุตร
ว่าเป็นเครื่องสืบต่อ ท่านกล่าวตัณหาว่า
เป็นเครื่องผูกแก่เรา.