เมนู

[348] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึง
ได้ตรัสพระคาถานี้ในเวลานั้นว่า
บุคคลค้นหาด้วยจิตตลอดทุกทิศ
ไม่ได้พบใครซึ่งเป็นที่รัก ยิ่งกว่าตนในที่
ไหน ๆ เลย สัตว์ทั้งหลายเหล่าอื่นก็รัก
คนมากเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น
ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น.


อรถกถามัลลิกาสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในมัลลิกาสูตรที่ 8 ต่อไป :-
เพราะเหตุไร พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสถามว่า อตฺถิ โข เต
มลฺลิเก
เป็นต้น. ได้ยินว่า พระนางมัลลิกานี้ เป็นธิดาของนายช่างทำดอกไม้
ผู้เข็ญใจ วันหนึ่ง ถือขนมจากตลาด คิดว่าจักไปสวนดอกไม้แล้วจึงจักกินขนม
เดินไปพบพระผู้มีพระภาคเจ้า มีภิกษุเป็นบริวาร เสด็จเข้าไปแสวงหาอาหาร
สวนทางกัน ก็มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายขนมนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงแสดงอาการจะประทับนั่ง. พระอานนทเถระจึงได้ปูผ้าถวาย.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่ง ณ ที่นั้นแล้วเสวยขนม ล้างพระโอษฐ์แล้ว
ได้ทรงทำความแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ. พระเถระทูลถามว่า ด้วยการถวาย
ขนมนี้ จักมีผลอะไร พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อานนท์ วันนี้
นี่แหละ นางมัลลิกานั้นได้ถวายโภชนะแก่ตถาคตเป็นคนแรก วันนี้นี่แหละ
นางก็จักได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าโกศล วันนั้นนั่นแล พระราชาผู้อัน

พระเจ้าหลาน (พระเจ้าอชาตศัตรู) ทรงให้ปราชัยในการรบที่หมู่บ้านกาสี (กาสิก
คาม) พ่ายหนีไป กลับมาสู่พระนคร เสด็จเข้าไปยังสวนดอกไม้ ทรงคอย
หมู่ทหารกลับมา. นางมัลลิกานั้น ได้ทำการปรนนิบัติถวายท้าวเธอ. พระเจ้า
ปเสนทิโกศล ทรงเลื่อมใสในข้อวัตรปฏิบัติที่นางทำถวาย จึงโปรดให้นำนาง
เข้าไปภายในพระบุรี ทรงสถาปนานางไว้ในตำแหน่งพระอัครมเหสี.
ต่อมาวันหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงพระดำริว่า เราให้อิศริยยศ
อย่างใหญ่แก่ธิดาของตระกูลที่เข็ญใจผู้นี้ ถ้ากระไร เราจะควรถามนางว่า
ใครเป็นที่รักของเจ้า. นางจะตอบว่า พระมหาราชเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่รัก
ของหม่อมฉัน แล้วจักถามเราอีกว่า เมื่อเป็นดังนั้น เราจะบอกแก่นางว่า
เจ้าคนเดียวเป็นที่รักของเรา ดังนี้. พระเจ้าปเสนทิโกศลนั้น เมื่อจะตรัสพระ-
วาจาที่บันเทิง เพื่อให้เกิดความสนิทสนมกะกันแลกัน จึงถาม. ส่วนพระนาง
มัลลิกาเทวีนั้น เป็นบัณฑิต เป็นอุปัฏฐายิกาของพระพุทธเจ้า เป็นอุปัฏฐายิกา
ของพระสงฆ์ มีปัญญามาก เพราะฉะนั้น พระนางจึงทรงดำริอย่างนี้ว่า เรา
ไม่พึงเห็นแก่หน้าพระราชา ตอบปัญหานี้. ครั้นตรัสตอบตามรสนิยมของตน
แล้ว ก็ทูลถามพระราชาบ้าง. พระราชาเมื่อกลับพระวาจาไม่ได้ เพราะพระนาง
ตรัสตามรสนิยมของพระนางเอง แม้พระองค์เองก็ตรัสตามรสนิยมเหมือนกัน
ทรงพระดำริว่า จักให้พระนางกราบทูลเหตุนี้แด่พระตถาคต ดังนี้แล้ว ก็เสด็จ
ไปกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. บทว่า เนวชฺฌคา แปลว่า ไม่พบ.
บทว่า เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ ความว่า คนเป็นที่รักของตนเท่านั้น
ฉันใด คนอื่นก็เป็นที่รักของคนอื่น ๆ แม้เป็นอันมาก ฉันนั้น.
จบอรรถกถามัลลิการสูตรที่ 8

9. ยัญญสูตร



[349] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
แห่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
สมัยนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตระเตรียมการบูชามหายัญโคผู้ 500
ตัว ลูกโคผู้ 500 ตัว ลูกโคตัวเมีย 500 แพะ 500 ตัว และแกะ 500
ตัว ถูกนำไปผูกไว้ที่หลักเพื่อบูชายัญ แม้ชนบางคนของพระเจ้าปเสนทิโกศล
นั้น เป็นทาส คนใช้หรือกรรมกรที่มีอยู่ แม้ชนเหล่านั้นก็ถูกอาชญา ถูกภัย
คุกคาม มีหน้านองด้วยน้ำตาร้องไห้พลาง กระทำบริกรรมไปพลาง.
[350] ครั้งนั้นแล พวกภิกษุหลายรูปครองผ้าเรียบร้อยแล้วในเวลา
เช้าถือบาตรและจีวรเข้าไปสู่กรุงสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต กลับจากบิณฑบาตใน
เวลาหลังภัตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ภิกษุเหล่านั้น ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
วันนี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตระเตรียมการบูชามหายัญโคผู้ 500 ตัว ลูกโคผู้
500 ตัว ลูกโคตัวเมีย 500 ตัว แพะ 500 ตัว และแกะ 500 ตัว ถูกนำ
ไปผูกไว้ที่หลักเพื่อบูชายัญ แม้ชนบางคนของพระเจ้าปเสนทิโกศลนั้น เป็นทาส
คนใช้หรือกรรมกรที่มีอยู่ ชนแม้เหล่านั้นก็ถูกอาชญา ถูกภัยคุกคาม มีหน้า
นองด้วยน้ำตาร้องไห้พลาง กระทำบริกรรมไปพลาง.
[351] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึง
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ในเวลานั้นว่า