เมนู

อรรถกถาอัตถกรณสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอัตถกรณสูตรที่ 7 ต่อไป :-
บทว่า กามเหตุ ได้แก่ มีกามเป็นมูล. บทว่า กามนิทานํ ได้แก่
มีกามเป็นปัจจัย. บทว่า กามาธิกรณํ ได้แก่มีกามเป็นเหตุ หมดทุกบทนั้น
เป็นคำไวพจน์ของกันและกัน. บทว่า ภทฺรมุโข แปลว่า หน้าดี. ได้ยินว่า
วันหนึ่ง พระราชาเสด็จออกประทับนั่ง ฟังการพิจารณาคดีความ. ในคดีนั้น
พวกอมาตย์รับสินบนเข้ามาก่อนนั่งวินิจฉัยคดี ก็ตัดสินให้ผู้มีใช้เจ้าของทรัพย์สิน
กลายเป็นเจ้าของทรัพย์สินไป. พระราชาทรงทราบเรื่องนั้นแล้ว ทรงพระดำริ
ว่า ต่อหน้าเราผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน อำมาตย์พวกนี้ยังกระทำถึงเพียงนี้
ลับหลังเรา เขาจักไม่ทำกระไรได้ บัดนี้ วิฑูฑภเสนาบดีจักปรากฏเป็นพระราชา
เอง ประโยชน์อะไรของเราจะนั่งที่เดียวกับพวกอมาตย์กินสินบน พูดมดเท็จ
เห็นปานนี้ เพราะฉะนั้น จึงตรัสอย่างนี้. บทว่า ขิปฺปํว โอฑฺฑิตํ ได้แก่
เหมือนปลาเข้าไปสู่เครื่องดัก อธิบายว่า ปลาทั้งหลายเข้าไปสู่เครื่องดักที่เขา
ดักไว้ยังไม่รู้สึกตัวฉันใด สัตว์ทั้งหลายล่วงเข้าไปสู่วัตถุกาม ด้วยกิเลสกาม
ก็ไม่รู้สึกตัว ฉันนั้น.
จบอรรถกถาอัตถกรณสูตรที่ 7