6. วาสุทัตตสูตร
[262] วาสุทัตตเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
กล่าวคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ภิกษุพึงมีสติเพื่อละกามราคะ งด
เว้นเสีย ประดุจบุคคลถูกแทงด้วยหอก
ประดุจบุคคลถูกไฟไหม้ศีรษะอยู่.
[263] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ภิกษุพึงมีสติเพื่อการละสักกายทิฏฐิ
งดเว้นเสีย ประดุจบุคคลถูกแทงด้วยหอก
ประดุจบุคคลถูกไฟไหม้ศีรษะอยู่.
อรรถกถา
วาสุทัตตสูตรที่ 6 มีเนื้อความกล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
7. อพรหมสูตร
[269] สุพรหมเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
จิตนี้สะดุ้งอยู่เป็นนิตย์ ใจนี้หวาด
เสียวอยู่เป็นนิตย์ ทั้งเมื่อกิจไม่เกิดขึ้นทั้ง
เกิดขึ้นแล้วก็ตาม ถ้าความไม่สะดุ้งกลัวมี
อยู่ ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว โปรดตรัส
บอกความไม่สะดุ้งนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
[265] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
เรายังมองไม่เห็นความสวัสดีแห่ง
สัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญาและความ
เพียร นอกจากความสำรวมอินทรีย์ นอก
จากความสละวางทุกสิ่งทุกอย่าง.
สุพรหมเทวบุตรได้กล่าวดังนี้แล้ว ฯลฯ ก็อันตรธานไปในที่นั้นเอง.