เมนู

อนาถปิณฑิกวรรคที่ 2



1. จันทิมสูตร



ว่าด้วยผู้ถึงฝั่ง



[251] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น จันทิมสเทวบุตร เมื่อสิ้น
ปฐมยาม มีวรรณะงามยิ่งนัก ทำพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่วแล้ว เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[252] จันทิมสเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
กล่าวคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ก็ชนเหล่าใด เข้าถึงฌาน มีจิตเป็น
สมาธิ มีปัญญา มีสติ ชนเหล่านั้น จักถึง
ความสวัสดี ประดุจเนื้อในชะวากเขา ไร้
ริ้นยุง ฉะนั้น.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ก็ชนเหล่าใด เข้าถึงฌาน ไม่ประ-
มาท ละกิเลสได้ ชนเหล่านั้น จักถึงฝั่ง
คือ นิพพาน ประดุจปลา ทำลายข่ายได้
แล้ว ฉะนั้น.

อนาถปิณฑิกวรรคที่ 2



อรรถกถาจันทิมสสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในจันทิมสสูตรที่ 1 วรรคที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า กจฺเฉว แปลว่า ประดุจชะวาก ชะวากเขาก็ดี ชะวากไม้และน้ำ
ก็ดี ชื่อว่า ชะวาก. บทว่า เอโกพินิปทา ได้แก่ประกอบด้วยจิตต์มีอารมณ์
เดียว และปัญหาเครื่องรักษาตัว. บทว่า สตา แปลว่า มีสติ. ท่านอธิบาย
ว่า ชนเหล่าใดได้ฌาน มีจิตมีอารมณ์อันเดียวผุดขึ้น มีปัญญาเครื่องรักษาตัว
มีสติอยู่ ชนเหล่านั้น จักถึงความสวัสดี เหมือนเหล่ามฤค ในชะวากเขา หรือ
ชะวากแม่น้ำ ที่ไม่มียุง. บทว่า ปารํ ได้แก่พระนิพพาน บทว่า อมฺพุโช
แปลว่า ปลา. บทว่า รณํ ชหา แปลว่า ละกิเลส. ท่านอธิบายว่า ชน
เหล่าใดได้ฌานไม่ประมาท ย่อมละกิเลสได้ ชนเหล่านั้น ก็จักถึงพระนิพพาน
เหมือนปลาทำลายข่ายที่ทำด้วยด้ายฉะนั้น.
จบอรรถกถาจันทิมสสูตรที่ 1