เมนู

อรรถกถาปฐมกัสสปสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในกัสสปสูสที่ 1 วรรคที่ 1 ต่อไป :-
บทว่า เทวปุตฺโต ความว่า บุรุษผู้เกิดที่ตักเทวดา ชื่อว่า เทพ-
บุตร สตรีผู้เกิดที่ตักเทวดา ชื่อว่า เทพธิดา. เทวดาที่ไม่ปรากฏนามท่าน
เรียกว่า เทวดาองค์หนึ่ง เทพที่ปรากฏนาม ท่านเรียกว่า เทพบุตรมีชื่ออย่างนี้.
เพราะฉะนั้น เทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านกล่าวไว้ในหนหลังแล้ว ในสูตรนี้
จึงกล่าวว่า เทพบุตร. บทว่า อนุสาสํ แปลว่า คำสั่งสอน. เขาว่า เทพบุตร
องค์นี้ได้ฟังว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทำยมกปาฎิหาริย์ในพรรษาที่ 7 นับแต่
ตรัสรู้ ทรงเข้าจำพรรษา ณ เทวบุรี (ดาวดึงส์) แสดงพระอภิธรรม ตรัส
ภิกขุนิทเทสไว้ในฌานวิภังค์อย่างนี้ว่า บทว่า ภิกฺขุ ได้แก่ ชื่อว่า ภิกษุ
เพราะสมัญญา ชื่อว่า ภิกษุ เพราะปฏิญญา แต่เทพบุตรนั้น ไม่ได้ฟัง
คำโอวาทภิกษุ คำสั่งสอนภิกษุ อย่างนี้ว่า พวกเธอจงตรึกอย่างนี้ อย่าตรึก
อย่างนี้ จงใส่ใจอย่างนี้ อย่าใส่ใจอย่างนี้ จงละข้อนี้ จงเข้าถึงข้อนี้อยู่. เทพ
บุตรนั้น หมายเอาข้อนั้น จึงกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศภิกษุไว้
ไม่ทรงประกาศคำสั่งสอนของภิกษุ.
บทว่า เตนหิ ความว่า ก็เพราะเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
เราไม่ประกาศคำสั่งสอนของภิกษุฉะนั้น. บทว่า ตญฺเญเวตฺถปฏิภาตุ ความ
ว่า การประกาศคำสั่งสอนนี้จงปรากฏแก่ท่านผู้เดียว. ความจริง ผู้ใดประสงค์
จะกล่าวปัญหา ก็ไม่อาจจะกล่าวเทียบกับพระสัพพัญญุญาณได้ หรือว่า ผู้ใด
ไม่ประสงค์จะกล่าว ก็อาจจะกล่าวปัญหาได้ หรือว่า ผู้ใดไม่ประสงค์จะกล่าว
ทั้งไม่อาจจะกล่าวด้วย. พระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมไม่ทรงทำปัญหาของคนเหล่า

นั้นทั้งหมดให้เป็นภาระ แต่เทพบุตรองค์นี้ ประสงค์จะกล่าวด้วย ทั้งอาจกล่าว
ได้ด้วย. เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงทำปัญหาให้เป็นภาระของ
เทพบุตรนั้นผู้เดียว จึงตรัสอย่างนี้. แม้เทพบุตรนั้น ก็กล่าวปัญหา.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุภาสิตสฺส สิกฺเขถ ความว่า พึง
ศึกษาคำสุภาษิต คือพึงศึกษาวจีสุจริต 4 อย่าง ที่อิงอาศัยสัจจะ 4 อิงอาศัย
กถาวัตถุ 10 อิงอาศัยโพธิปักขิยธรรม 37 เท่านั้น. บทว่า สมณูปาสนสฺส จ
ความว่า การเข้าถึงความสงบ อันสมณะทั้งหลายพึงเสพ คือพึงศึกษา พึงเจริญ
กัมมัฎฐาน 38 ประเภท. อีกอย่างหนึ่ง แม้การเข้าไปหาเหล่าภิกษุผู้เป็นพหูสูต
ก็ชื่อว่า การเข้าไปนั่งใกล้สมณะ. อธิบายว่า พึงศึกษาประโยชน์แห่งความรู้
ด้วยปัญญา โดยการถามปัญหาว่า ท่านเจ้าข้า แม้ข้อนั้นก็เป็นกุศลหรือ ดังนี้
เป็นต้น. บทว่า จิตฺตวูปสมสฺส จ ความว่า และพึงศึกษาความสงบจิต
ด้วยอำนาจสมาบัติ 8. ดังนั้น สิกขา 3 เป็นอันเทพบุตรกล่าวแล้ว. จริงอยู่
เทพบุตรนั้นกล่าวอธิศีลสิกขาด้วยบทแรก กล่าวอธิปัญญาสิกขาด้วยบทที่ 2
กล่าวอธิจิตตสิกขา ด้วยการสงบจิต เพราะฉะนั้น คำสอนแม้ทั้งสิ้น จึง
เป็นอันเทพบุตรนั้นประกาศแล้ว ด้วยคาถานี้แล.
จบอรรถกถากัสสปสูตรที่ 1

2. ทุติยกัสสปสูตร



[223]. . . อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. . .
กัสสปเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ภิกษุพึงเป็นผู้เพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น
แล้ว พึงหวังธรรมอันไม่เป็นที่เกิดขึ้นแห่ง
หฤทัย อนึ่ง ภิกษุผู้มุ่งต่อพระอรหัตนั้น
พึงรู้ความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่ง
โลก พึงมีใจดี อันตัณหาและทิฎฐิไม่อิง
อาศัยแล้ว.


อรรถกถาทุติยกัสสปสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในกัสสปสูตรที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า ฌายี ได้แก่เป็นผู้เพ่งพินิจ ด้วยฌานทั้ง 2 [คืออารัมมณู-
ปนิชฌาน และ ลักขณูปนิชฌาน]. บทว่า วิมุตฺตจิตฺโต ได้แก่มีจิตหลุด
พ้นแล้วด้วยกัมมัฏฐาน. บทว่า หทยสฺสานุปฺปตฺตึ ได้แก่ พระอรหัต.
บทว่า โลกสฺส ได้แก่ สังขารโลก. บทว่า อนิสฺสิโต ได้แก่ ผู้อันตัณหา
และทิฐิไม่อิงอาศัยแล้ว อีกอย่างหนึ่ง ไม่อิงอาศัยตัณหาและทิฐิ. บทว่า
ตทานิสํโส ได้แก่ ผู้มุ่งต่อพระอรหัต. ท่านอธิบายว่า ภิกษุผู้มุ่งต่อพระ-