เมนู

3. วิตตสูตร



[202] เทวดาทูลถามว่า
อะไรหนอเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
อย่างประเสริฐของคนในโลกนี้ อะไรหนอ
ที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้
อะไรหนอเป็นรสดีกว่าบรรดารสทั้งหลาย
คนมีชีวิตเป็นอยู่อย่างไร นักปราชญ์
ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ.

[203] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่าง
ประเสริฐของคนในโลกนี้ ธรรมที่บุคคล
ประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้ ความ
จริงเท่านั้นเป็นรสที่ดียิ่งกว่ารสทั้งหลาย
คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญานักปราชญ์ทั้งหลาย
กล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ.


อรรถกถาวิตตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในวิตตสูตรที่ 3 ต่อไป :-
บทว่า สทฺธีธ วิตฺตํ แปลว่า ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจใน
โลกนี้ อธิบายว่า คนมีศรัทธา ย่อมได้เครื่องปลื้มใจทั้งหลาย แม้มีแก้วมุกดา
เป็นต้น บุคคลถึงซึ่งกุลสัมปทา (คือการถึงพร้อมด้วยสกุล) 3 กามสวรรค์ 6

พรหมโลก 9 แล้วในที่สุดย่อมได้แม้การเห็นอมตมหานิพพาน เพราะเหตุนั้น
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์เครื่องปลื้มใจอันมี
แก้วมณีและแก้วมุกดาเป็นต้น. บทว่า ธมฺโม ได้แก่ กุศลกรรมบถ 10.
บทว่า สุขมาวหาติ แปลว่า นำความสุขมาให้ คือว่า ย่อมนำซึ่งอาสวะ
ออกไปจากผู้มีสัพพอาสวะ ให้มีความสุข ปราศจากเครื่องเศร้าหมอง. บทว่า
สาธุตรํ แปลว่า รสดียิ่งกว่า คือว่า สัจจะ (ความจริง) เท่านั้น เป็นรส
ดีกว่ารสทั้งปวงอันมีรสเค็มและรสเปรี้ยวเป็นต้น อธิบายว่า บุคคลตั้งอยู่ใน
สัจจะ ย่อมยังแม้แม่น้ำอันไหลเชี่ยวให้ไหลกลับได้ ย่อมนำพิษร้าย
ออกได้ ย่อมห้ามแม้ไฟ ย่อมยังฝนให้ตกก็ได้
เพราะฉะนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า สัจจะนั้นเป็นรสดี ยิ่งกว่ารสทั้งปวง ดังนี้.
บทว่า ปญฺญาชีวี ชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ แปลว่า คนที่เป็นอยู่ด้วย
ปัญญานักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ ความว่า บุคคลใดเป็นอยู่
ด้วยปัญญา เป็นคฤหัสถ์ย่อมดำรงอยู่ในศีล 5 เริ่มตั้งสลากภัตเป็นต้น จึงชื่อว่า
เป็นอยู่ด้วยปัญญา หรือว่าเป็นบรรพชิต เมื่อปัจจัยเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม ก็
ย่อมพิจารณาสิ่งที่มีอยู่นี้แล้วจึงบริโภค ถือเอากรรมฐาน เริ่มตั้งวิปัสสนา ชื่อว่า
เป็นอยู่ด้วยปัญญา เพราะสามารถบรรลุอริยผลได้ ด้วยเหตุนั้น นักปราชญ์
ทั้งหลายจึงกล่าวว่า บุคคลผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญานั้น มีชีวิตเป็นอยู่อันประเสริฐ
ดังนี้แล.
จบอรรถกถาวิตตสูตรที่ 3

4. วุฏฐิสูตร



[204] เทวดาทูลถามว่า
บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น สิ่งอะไรหนอ
ประเสริฐ บรรดาสิ่งที่ตกไปอะไรหนอ
ประเสริฐ บรรดาสัตว์ที่เดินด้วยเท้า ใคร
เป็นผู้ประเสริฐ บรรดาชนผู้แถลงคารม
ใครเป็นผู้ประเสริฐ.

[205] เทวดาผู้หนึ่งแก้ว่า
บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น ข้าวกล้าเป็น
ประเสริฐ บรรดาสิ่งที่ตกไป ฝนเป็น
ประเสริฐ บรรดาสัตว์ที่เดินด้วยเท้า เหล่า
โคเป็นประเสริฐ บรรดาชนผู้แถลงคารม
บุตรเป็นประเสริฐ.

[206] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น ความรู้เป็น
ประเสริฐ บรรดาสิ่งที่ตกไป อวิชชาเป็น
ประเสริฐ บรรดาสัตว์ที่เดินด้วยเท้า
พระสงฆ์เป็นประเสริฐ บรรดาชนผู้แถลง
คารม พระพุทธเจ้าเป็นประเสริฐ