เมนู

5. อโนมิยสูตร



ว่าด้วยเทวดาสรรเสริญ



[142] เทวดากราบทูลว่า
ท่านทั้งหลายเชิญดูพระพุทธเจ้าพระ-
องค์นั้น ผู้มีพระนามไม่ทราม ผู้ทรงเห็น
ประโยชน์อันละเอียด ผู้ให้ซึ่งปัญญา
ไม่ทรงข้องอยู่ในอาลัยคือกาม ตรัสรู้ธรรม
ทุกอย่าง มีพระปรีชาดี ทรงก้าวไปในทาง
อันประเสริฐ ผู้ทรงแสวงคุณอันใหญ่.

อรรถกถาอโนมิยสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอโนมิยสูตรที่ 5 ต่อไป :-
บทว่า อโนมนามํ อธิบายว่า มีพระนามอันไม่บกพร่อง มีพระนาม
บริบูรณ์ เพราะความที่พระองค์ทรงประกอบด้วยคุณทั้งปวง. บทว่า นิปุณตฺถ-
ทสฺสํ
อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นประโยชน์ทั้งหลายละเอียดโดยมี
ความแตกต่างกันแห่งขันธ์เป็นต้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ทรงเห็นประโยชน์
อันละเอียด. บทว่า ปญฺญาททํ อธิบายว่า ชื่อว่า ผู้ให้ซึ่งปัญญา เพราะสามารถ

บอกปฏิปทาเพื่อให้บรรลุถึงปัญญา. บทว่า กามาลเย อสตฺตํ ได้แก่ ไม่ทรง
ข้องในอาลัย คือกามคุณ 5. บทว่า กมมานํ อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงถึงความผ่องใสที่มหาโพธิ์นั่นแหละ ด้วยอริยมรรค มิใช่ทรงถึงใน
บัดนี้. ก็คำนี้ ท่านกล่าวหมายเอาอดีตกาล. บทว่า มเหสึ ได้แก่ ผู้ค้นหา
ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ คือ สีลขันธ์เป็นต้น ดังนี้แล.
จบอรรถกถาอโนมิยสูตรที่ 5

6. อัจฉราสูตร



ว่าด้วยยานไปพระนิพพาน



[143] เทวดาทูลถามว่า
ป่าชัฏชื่อโมหนะ อันหมู่นางอัปสร
ประโคมแล้ว อันหมู่ปีศาจสิงอยู่แล้ว
ทำไฉนจึงจะหนีไปได้.

[144] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ทางนั้นชื่อว่าเป็นทางตรง ทิศนั้น
ชื่อว่าไม่มีภัย รถชื่อว่าไม่มีเสียงดัง ประ-
กอบด้วยล้อคือธรรม หิริเป็นฝาของรถนั้น
สติเป็นเกราะกั้นของรถนั้น เรากล่าวธรรม
มีสัมมาทิฏฐินำหน้าว่าเป็นสารถี ยานชนิด
นี้มีอยู่แก่ผู้ใด จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เขา (ย่อมไป) ในสำนักพระนิพพานด้วย
ยานนี้แหละ.