เมนู

อสัปปุริสธรรม


[195] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอยู่อีก (คือ) อสัตบุรุษ
ล่วงเลยวิญญานัญจายตนฌานไปโดยประการทั้งปวง เข้าอากิญจัญญายตนฌาน
อยู่ ด้วยมนสิการว่า ไม่มีอะไรสักน้อยหนึ่ง. เธอพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า เรา
เป็นผู้ได้สมาบัติคืออากิญจัญญายตนะแล แก่ภิกษุอื่น ๆ เหล่านั้น เป็นผู้ไม่ได้
อากิญจัญญายตนสมาบัติ. เธอยกตนข่มผู้อื่น เพราะอากิญจัญญายตนสมาบัติ
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ อสัปปุริสธรรม.

สัปปุริสธรรม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษแล พิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า แม้
อากิญจัญญายตนสมาบัติแล พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า เป็นปฏิปทาที่ไม่มี
ตัณหา เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุใด ๆ เหตุนั้น ๆ เป็นอย่างอื่นจาก
ความสำคัญนั้น เธอทำความที่ปฏิปทาไม่มีตัณหา ให้เป็นไปในภายใน (เป็น
ส่วนตัว) เท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นเลย เพราะอากิญจัญญายตนสมาบัติ
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ สัปปุริสธรรม.

อสัปปุริสธรรม


[196] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอยู่อีก (คือ) อสัตบุรุษ
ล่วงเลยอากิญจัญญายตนฌานไปโดยประการทั้งปวง เข้าเนวสัญญานาสัญญา-
ยตนฌานอยู่ เธอพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้ได้สมาบัติ คือเนวสัญญา-
นาสัญญายตนะแล แต่ภิกษุอื่น ๆ เหล่านั้น ไม่เป็นผู้ได้เนวสัญญานาสัญญา-
ยตนสมาบัติ. เธอยกตนข่มผู้อื่น เพราะเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัตินั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ อสัปปุริสธรรม.