เมนู

อสัปปุริสธรรม


[192] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอยู่อีก (คือ) อสัตบุรุษ
เข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจ อันเป็นไปในภายใน มีความเป็นธรรม
เอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารระงับไป มีแต่ปีติและสุขเกิด
แต่สมาธิอยู่. . .เข้าตติยฌาน . . . เข้าจตุตถฌาณ. . . อยู่. เธอพิจารณาเห็น
อย่างนี้ว่า เราเป็นผู้ได้สมาบัติ คือจตุตถฌานแล แต่ภิกษุอื่น ๆ เหล่านั้น ไม่
เป็นผู้ได้สมาบัติคือจตุตถฌาน. เธอยกตนข่มผู้อื่น เพราะสมาบัติคือจตุตถฌาน
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ อสัปปุริสธรรม.

สัปปุริสธรรม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษแล พิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า แม้
สมาบัติคือจตุตถฌานแล พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า เป็นปฏิปทาไม่มี
ตัณหา เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุใด ๆ เหตุนั้น ๆ จะเป็นอย่างอื่น
จากที่สำคัญนั้น. เธอทำความเป็นผู้ไม่มีตัณหานั้นให้เป็นไปในภายใน (เป็น
ส่วนตัว) เท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นเลย เพราะสมาบัติคือจตุตถฌาณนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ สัปปุริสธรรม.

อสัปปุริสธรรม


[193] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอยู่อีก (คือ) อสัตบุรุษ
เข้าอากาสานัญจายตนฌาน ด้วยมนสิการว่า อากาสไม่มีที่สุดอยู่ เพราะ
ล่วงเลยรูปสัญญาไปแล้ว เพราะปฏิฆสัญญาดับไปแล้ว (และ) เพราะไม่มนสิ-
การถึงนานัตตสัญญา. เธอพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้ได้สมาบัติคือ
อากาสานัญจายตนะแล้ว แค่ภิกษุอื่น ๆ เหล่านี้ไม่เป็นผู้ได้สมาบัติคืออากาสา-
นัญจายตนะ. เธอยกตน ข่มผู้อื่น ด้วยสมาบัติคืออากาสานัญจายตนะนั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ อสัปปุริสธรรม.

สัปปุริสธรรม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษ พิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า แม้
อากาสานัญจายตนสมาบัติแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ตรัสว่า เป็นปฏิปทาไม่มี
ตัณหา เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุใด ๆ เหตุนั้น ๆ ก็เป็นอื่นไป
จากที่สำคัญนั้น . เธอทำความที่ปฏิปทาไม่มีตัณหานั้น ให้เป็นไปในภายใน
(เป็นส่วนด้วย) เท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นเลย เพราะอากาสานัญจายตนะ
สมาบัตินั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ สัปปุริสธรรม.

สัปปุริสธรรม


[194] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอยู่อีก อสัตบุรุษล่วง
เลยอากาสานัญจายตนฌานไปโดยประการทั้งปวง เข้าวิญญานัญจายตนฌานอยู่
ด้วยมนสิการว่า วิญญาณไม่มีที่สุด. เธอพิจารณาเห็นว่า เราเป็นผู้ได้
สมาบัติคือ วิญญานัญจายตนะแล แต่ภิกษุอื่น ๆ เหล่านี้ ไม่เป็นผู้ได้
วิญญานัญจายตนสมาบัติ. เธอยกตนข่มผู้อื่น เพราะวิญญานัญจายตนสมาบัติ
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ อสัปปุริสธรรม.

สัปปุริสธรรม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า แม้วิญญา-
นัญจายตนสมาบัติ ก็เป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นปฏิปทาไม่มี
ตัณหา เพราะคนทั้งหลายสำคัญกันด้วยเหตุใด ๆ เหตุนั้น ๆ ก็เป็นอย่างอื่น
จากความสำคัญนั้น. เธอทำปฏิปทาที่ไม่มีตัณหานั้นแหละ ให้เป็นไปในภาย
ใน (เป็นการส่วนตัว) ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะวิญญานัญจายตนสมาบัติ
นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือ สัปปุริสธรรม.