เมนู

พระสุตตันตปิฎก



มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์



เล่มที่ 3 ภาคที่ 1



ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



เทวทหวรรค



1. เทวทหสูตร



ว่าด้วยวาทะของพวกนิครนถ์และพระตถาคต



[1] ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่สักยนิคม อันมีนามว่า
เทวทหะ ในสักกชนบท สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว.
[2] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มี
สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า บุรุษบุคคลนี้ย่อม
เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสุข ทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี ข้อ
นั้นทั้งหมดก็เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้แต่ก่อน ดังนั้นเพราะกรรมเก่าหมด
ด้วยตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ ก็จักไม่มีผลต่อไป เพราะไม่มีผลต่อไป ก็จัก
สิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็จักสิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์ ก็จักสิ้นเวทนา

เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงจักเป็นอันไม่มีไปเอง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกนิครนถ์มักมีวาทะอย่างนี้.
[3] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเข้าไปหาพวกนิครนถ์ผู้มีวาทะอย่างนี้
แล้วถามอย่างนี้ว่า ท่านนิครนถ์ จริงหรือที่มีข่าวว่า พวกท่านมีวาทะอย่างนี้
มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า บุรุษบุคคลนี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ว่าสุขทุกข์
หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้แต่
ก่อน ทั้งนี้เพราะกรรมเก่าหมดด้วยตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ ก็จักไม่มีผลต่อไป
เพราะไม่มีผลต่อไป ก็จักสิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็จักสิ้นทุกข์ เพราะ
สิ้นทุกข์ ก็จักสิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงจักเป็นอันไม่มี
ไปเอง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกนิครนถ์นั้น ถูกเราถามอย่างนี้แล้วก็ยืนยัน
เราจึงถามอย่างนี้ว่า ท่านนิครนถ์ พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้
มีแล้วในก่อน มิใช่ไม่ได้มีแล้ว.
นิครนถ์เหล่านั้น ตอบว่า ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้หามิได้เลย.
เรา. ท่านนิครนถ์ พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้ทำบาป
กรรมไว้ในก่อน มิใช่ไม่ได้ทำไว้.
นิ. ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้หามิได้เลย.
เรา. ท่านนิครนถ์ พวกท่านทราบละหรือว่า เราทั้งหลายได้ทำบาป
กรรมอย่างนี้บ้าง ๆ.
นิ. ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้หามิได้เลย.
เรา. ท่านนิครนถ์ผู้มีอายุ พวกท่านทราบละหรือว่า ทุกข์เท่านี้เรา
สลัดได้แล้ว หรือว่าทุกข์เท่านี้ เราต้องสละเสีย หรือว่าเมื่อทุกข์เท่านี้ เราสลัด
ได้แล้ว ทุกข์ทั้งหมดก็จักเป็นอันไม่มีไปเอง.

นิ. ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้หามิได้เลย.
เรา. ท่านนิครนถ์ พวกท่านทราบการละอกุศลธรรม การบำเพ็ญ
กุศลธรรมในปัจจุบันละหรือ.
นิ. ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้หามิได้เลย.
[4] เรา. ท่านนิครนถ์ เท่าที่พูดกันมานี้เป็นอันว่า พวกท่านไม่
ทราบว่า เราทั้งหลายได้มีแล้วในก่อน มิใช่ไม่ได้มีแล้ว ไม่ทราบว่า เราทั้ง
หลายได้ทำบาปกรรมไว้ในก่อน มิใช่ไม่ได้ทำไว้ ไม่ทราบว่า เราทั้งหลาย
ได้ทำบาปกรรมอย่างนี้บ้าง ๆ ไม่ทราบว่า ทุกข์เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว หรือว่า
ทุกข์เท่านี้ เราต้องสลัดเสีย หรือว่าเมื่อทุกข์เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว ทุกข์ทั้งหมด
ก็จักเป็นอันไม่มีไปเอง ไม่ทราบการละอกุศลธรรม การบำเพ็ญกุศลธรรมใน
ปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านนิครนถ์ไม่สมควรจะพยากรณ์ว่า บุรุษบุคคลนี้
ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสุข ทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ข้อ
นั้นทั้งหมดก็เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้แต่ก่อน ทั้งนี้ เพราะกรรมเก่าหมด
ด้วยตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ ก็จักไม่มีผลต่อไป เพราะไม่มีผลต่อไป ก็จัก
สิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็จักสิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์ ก็จักสิ้นเวทนา
เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงจักไม่มีไปเอง.
ท่านนิครนถ์ ก็ถ้าพวกท่านพึงทราบว่า เราทั้งหลายได้มีแล้วแต่ก่อน
มิใช่ไม่ได้มีแล้ว พึงทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมไว้แต่ก่อน มิใช่ไม่
ได้ทำไว้ พึงทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมอย่างนี้บ้าง ๆ พึงทราบว่า
ทุกข์เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว หรือว่าทุกข์เท่านี้ เราต้องสลัดเสีย หรือว่าเมื่อทุกข์
เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว ทุกข์ทั้งหมดก็เป็นอันไม่มีไปเอง พึงทราบการละอกุศล
ธรรม การบำเพ็ญกุศลธรรมในปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านนิครนถ์ ควรจะ

พยากรณ์ได้ว่า บุรุษบุคคลนี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสุข ทุกข์
หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ข้อนั้นทั้งหมดก็เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้แต่ก่อน
ทั้งนี้ เพราะกรรมเก่าหมดด้วยตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ ก็จักไม่มีผลต่อไป เพราะ
ไม่มีผลต่อไป ก็จักสิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรมก็จักสิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์
ก็จักสิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงก็จักเป็นอันไม่มีไปเอง.
[5] ท่านนิครนถ์ เปรียบเหมือนบุรุษถูกยิงด้วยลูกศรที่มียาพิษอาบ
ไว้อย่างหนาแล้ว พึงเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ เพราะเหตุการ
เสียดแทงของลูกศร มิตร สหาย ญาติสาโลหิตของเขาพึงให้หมอผ่าตัดรักษา
หมอผ่าตัดใช้ศัสตราชำแหละปากแผลของเขา เขาพึงเสวยทุกขเวทนาอันกล้า
เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุถูกเครื่องตรวจค้นหาลูกศร หมอผ่าตัดถอนลูกศรออก
เขาพึงเสวยทุกขเวทนาอันกล้าเจ็บแสบ แม้เพราะเหตุถอนลูกศรออก หมอผ่า
ตัดใส่ยาถอนพิษที่ปากแผล เขาพึงเสวยทุกขเวทนาอันกล้า เจ็บแสบ แม้
เพราะเหตุใส่ยาถอนพิษที่ปากแผล ต่อมา เขามีแผลหาย มีผิวหนังสนิท จึง
ไม่มีโรค มีความสุข เสรี อยู่ได้ตามลำพัง ไปไหนไปได้ จึงมีความคิดอย่าง
นี้ว่า เมื่อก่อน เราถูกยิงด้วยลูกศรที่มียาพิษอาบไว้อย่างหนา ได้เสวยทุกข-
เวทนาอันกล้า เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุการเสียดแทงของลูกศร มิตร สหาย
ญาติสาโลหิตของเราให้หมอผ่าตัดรักษา หมอผ่าตัดใช้ศัสตราชำแหละปากแผล
เรานั้นได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้า เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุถูกศัสตราชำแหละ
ปากแผล หมอผ่าตัดใช้เครื่องตรวจค้นหาลูกศร เรานั้นได้เสวยทุกขเวทนาอัน
กล้า เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุถูกเครื่องตรวจค้นหาลูกศร หมอผ่าตัดถอนลูก
ศรออก เรานั้นได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้า เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุถอนลูกศร
ออก หมอผ่าตัดใส่ยาถอนพิษที่ปากแผล เรานั้นได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้า

เจ็บแสบ แม้เพราะเหตุใส่ยาถอนพิษที่ปากแผล เดี๋ยวนี้ เรานั้นมีแผลหาย
มีผิวหนังสนิท จึงไม่มีโรค มีความสุข เสรี อยู่ได้ตามลำพัง ไปไหนไปได้
ฉันใด.
ท่านนิครนถ์ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ถ้าพวกท่านพึงทราบว่า เรา
ทั้งหลาย ได้มีแล้วในก่อน มิใช่ไม่ได้มีแล้ว พึงทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำ
บาปกรรมไว้ในก่อน มิใช่ไม่ได้ทำไว้ พึงทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำบาป
กรรมอย่างนี้บ้าง ๆ พึงทราบว่า ทุกข์เท่านี้เราสลัดได้แล้ว หรือว่าทุกข์เท่า
นี้ เราต้องสลัดเสีย หรือว่าเมื่อทุกข์เท่านี้เราสลัดได้แล้ว ทุกข์ทั้งหมดก็เป็น
อันไม่มีไปเอง พึงทราบการละอกุศลธรรม การบำเพ็ญกุศลธรรมในปัจจุบัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนิครนถ์ ควรจะพยากรณ์ได้ว่า บุรุษบุคคลนี้ย่อมเสวย
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสุข ทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ข้อนั้นทั้งหมด
ก็เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้แต่ก่อน ทั้งนี้เพราะกรรมเก่าหมดด้วยตบะ
ไม่ทำกรรมใหม่ จักไม่มีผลต่อไป เพราะไม่มีผลต่อไป ก็จักสิ้นกรรม
เพราะสิ้นกรรม จักสิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์ จักสิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา
ทุกข์ทั้งปวงจักเป็นอันไม่มีไปเอง.
ท่านนิครนถ์ ก็เพราะเหตุที่พวกท่านไม่ทราบว่า เราทั้งหลายได้มี
แล้วในก่อน มิใช่ไม่ได้มีแล้ว ไม่ทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมไว้
ในก่อน มิใช่ไม่ได้ทำไว้ ไม่ทราบว่า เราทั้งหลายได้ทำบาปกรรมอย่างนี้บ้างๆ
ไม่ทราบว่า ทุกข์เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว หรือว่าทุกข์เท่านี้ เราต้องสลัดเสีย หรือ
ว่าเมื่อทุกข์เท่านี้ เราสลัดได้แล้ว ทุกข์ทั้งหมดก็เป็นอันไม่มีไปเอง ไม่ทราบ
การละอกุศลธรรม การบำเพ็ญกุศลธรรมในปัจจุบัน ฉะนั้น ท่านนิครนถ์
จึงไม่สมควรจะพยากรณ์ว่า บุรุษบุคคลนี้ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าสุข ทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ข้อนั้นทั้งหมดก็เพราะเหตุแห่งกรรมที่ตน
ทำไว้แต่ก่อน ทั้งนี้ เพราะกรรมเก่าหมดด้วยตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ จักไม่
มีผลต่อไป เพราะไม่มีผลต่อไป จักสิ้นกรรม เพราะสิ้นกรรม ก็จักสิ้นทุกข์
เพราะสิ้นทุกข์ ก็จักสิ้นเวทนา เพราะสิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งปวงก็จักเป็นอัน
ไม่มีไปเอง.
[6] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรากล่าวอย่างนี้ พวกนิครนถ์นั้น
ได้กล่าวกะเราดังนี้ว่า ท่านผู้มีอายุ ท่านนิครนถ์นาฏบุตร เป็นผู้รู้ธรรมทั้งปวง
เป็นผู้เห็นธรรมทั้งปวง ยืนยันญาณทัสสนะตลอดทุกส่วนว่า เมื่อเราเดินก็ดี
ยืนก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะได้ปรากฏติดต่อเสมอไป ท่านกล่าว
อย่างนี้ว่า ดูก่อนพวกนิครนถ์ผู้มีอายุ บาปกรรมที่พวกท่านทำไว้ในก่อนมีอยู่
พวกท่านจงสลัดบาปกรรมนั้นเสีย ด้วยปฏิปทาประกอบด้วยการกระทำที่ทำได้
ยากอันเผ็ดร้อนนี้ ข้อที่ท่านทั้งหลายเป็นผู้สำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ
ในบัดนี้นั้น เป็นการไม่ทำบาปกรรมต่อไป ทั้งนี้ เพราะกรรมเก่าหมดด้วย
ตบะ ไม่ทำกรรมใหม่ ก็จักไม่มีผลต่อไป เพราะไม่มีผลต่อไป ก็จักสิ้น
กรรม เพราะสิ้นกรรม ก็จักสิ้นทุกข์ เพราะสิ้นทุกข์ ก็จักสิ้นเวทนา เพราะ
สิ้นเวทนา ทุกข์ทั้งหมดก็จักเป็นอันไม่มีไปเอง ก็แหละคำนั้นถูกใจและควร
แก่พวกข้าพเจ้า และเพราะเหตุนั้น พวกข้าพเจ้าจึงได้ชื่นชม.
[7] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพวกนิครนถ์กล่าวแล้วอย่างนี้ เราได้
กล่าวกะพวกนิครนถ์นั้น ดังนี้ว่า ท่านนิครนถ์ ธรรม 5 ประการนี้แล
มีวิบาก 2 ทางในปัจจุบัน 5 ประการเป็นไฉน คือความเชื่อ ความชอบใจ
การฟังตามเขาว่า ความตรึกตามอาการ ความปักใจดิ่งด้วยทิฏฐิ ท่านนิครนถ์
เหล่านี้แล ธรรม 5 ประการ มีวิบาก 2 ทางในปัจจุบัน บรรดาธรรม 5