เมนู

พิจารณาดูกายโดยอิริยาบถ


[134] พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจำแนกการพิจารณาดูกาย
โดยอัสสาสะและปัสสาสะอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อจะทรงจำแนกโดยอิริยาบถ
จึงได้ตรัสคำมีอาทิไว้ว่า ปุน จ ปรํ.
จะวินิจฉัยในบทเหล่านั้นต่อไป :-

ความรู้ที่เป็นสติปัฏฐานภาวนา


ถึงสุนัขบ้าน และสุนัขจิ้งจอก เมื่อเดินไปก็รู้โดยแท้ว่า เรากำลัง
เดิน. แต่การรู้นั่น พระองค์มิได้ตรัสหมายเอาการรู้แบบนี้. เพราะว่าการ
รู้แบบนี้ ละสัตตูปลัทธิ (การยึดถือว่าเป็นสัตว์) ไม่ได้. ถอนอัตตสัญญา
(ความสำคัญว่าเป็นอัตตา ) ไม่ออก. ไม่เป็นกรรมฐาน หรือสติปัฏฐาน-
ภาวนา.

แต่การรู้ของภิกษุนี้ ละสัตตูลัทธิได้ ถอนอัตตสัญญาได้ เป็น
กรรมฐาน หรือเป็นสติปัฏฐานภาวนา.
ความจริง การรู้นี้ พระองค์ตรัสหมายเอาการรู้สึกตัวอย่างนี้ว่า
ใครเดิน ? การเดินของใคร ? เดนเพราะเหตุอะไร ? ถึงในการยืน
ก็นัยนี้เหมือนกัน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ใครเดิน ความว่า ไม่ใช่สัตว์ตัวไหน
หรือคนคนไหนเดิน.
บทว่า การเดินของใคร ความว่า ไม่มีการเดินของสัตว์ตัวไหน
บทว่า เดินเพราะเหตุอะไร ความว่า เดินไป โดยการแผ่ขยาย
ของวาโยธาตุที่เกิดจากกิริยาของจิต.

วาโยธาตุเกิดจากจิต


เพราะฉะนั้น ภิกษุนี้ จะรู้ชัด (อิริยาบถ) อย่างนี้ว่า จิต (ความคิด)
เกิดขึ้นว่า เราจักเดิน จิตนั้นจะให้วาโยเกิด จะให้การไหววาโยเกิด.
การเคลื่อนไหวกายทั้งหมดไปข้างหน้า โดยการแผ่ขยายของวาโยธาตุอัน
เกิดจากกิริยาของจิต เรียกว่า การเดิน. แม้ในการยืนเป็นต้น ก็มีนัยนี้
เหมือนกัน.
แม้ในบรรดาการยืนเป็นต้นนั้น พึงทราบวินิจฉัยต่อไป จิต
(ความคิด) เกิดขึ้นว่า เราจะยืน จิตนั้นจะให้วาโยเกิด จะให้การไหว
วาโยเกิด.
ภาวะที่กายทั้งหมดตั้งแต่ที่สุด (คือศีรษะถึงปลายเท้า) ยึดขึ้น
โดยการแผ่ขยายของวาโยธาตุที่เกิดจากกิริยาของจิต เรียกว่า การยืน.
จิตเกิดขึ้นว่า เราจะนั่ง จิตนั้นจะให้วาโยเกิด จะให้การไหว
วาโยเกิด การย่อกายตอนล่างลง การยึดกายตอนบนขึ้น โดยการแผ่ขยาย
ของวาโยธาตุที่เกิดจากกิริยาของจิต เรียกว่า การนั่ง.
จิตเกิดขึ้นว่า เราจะนอน จิตจะให้วาโยนั้นเกิด จะให้การเคลื่อน
ไหววาโยเกิด. การเหยียดร่างกายทั้งหมดออกไปตามทางขวาง โดยการ
แผ่ขยายของวาโยธาตุที่เกิดจากกิริยาของจิต เรียกว่า การนอน อาการ
ของเขาผู้รู้เห็นอยู่อย่างนี้ เรียกว่า สัตว์เดิน สัตว์ยืน.
ถามว่า มีสัตว์อะไรเดินหรือยืนหรือ ?
ตอบว่า ไม่มี.
แต่เหมือนคำที่เรียกว่า เกวียนไป เกวียนหยุด. ก็ไม่มีอะไรที่ชื่อ