เมนู

สำหรับผู้งดเว้นด้วยจิตสัมปยุตด้วยญาณ มีมูลเดียวสำหรับผู้งดเว้นด้วยจิต
ที่ปราศจากญาณ แต่อโลภะ ตัวมันเองจะเป็นรากเหง้าของตนไม่ได้.
แม้ในอัพยาบาท ก็ทำนองเดียวกันนี้แหละ.
สัมมาทิฏฐิมีมูล 2 เหมือนกันตามอำนาจของอโลภะและอโทสะ
ดังนี้.
กุศลธรรมชื่อว่า อโลภะ ในคำว่า อโลโภ กุสลมูลํ เป็นต้น
เพราะไม่โลภ. คำว่า อโลโภ นี้ เป็นชื่อของธรรมที่เป็นฝ่ายตรงกัน
ข้ามกับโลภะ. ถึงในอโทสะและอโมหะ ก็ทำนองเดียวกันนี้แหละ.
ในจำนวนกุศลมูลทั้ง 3 อย่างนั้น อโลภะชื่อว่าเป็นกุศลมูล เพราะ
ตัวเองก็เป็นกุศล และชื่อว่าเป็นมูลของกุศลธรรมทั้งหลาย มีการงดเว้น
จากปาณาติบาตเป็นต้น เหล่านี้ด้วย เพราะอรรถว่า เป็นสภาพแห่ง
สัมปยุตธรรมของกุศลลางเหล่า และเพราะอรรถว่า เป็นอุปนิสสยปัจจัย
ของกุศลธรรมลางเหล่า. ในความที่อโทสะและอโมหะเป็นกุศลมูล ก็นัย
เดียวกันนี้แหละ.

อริยสัจในกรรมบถ


บัดนี้ ท่านพระสารีบุตร เมื่อจะย้ำเนื้อความนั้นทั้งหมด ที่ท่านได้
แสดงไว้แล้วทั้งโดยย่อและโดยพิสดาร จึงได้กล่าวอัปปนาวาระไว้มีอาทิว่า
ยโต โข อาวุโส ดังนี้ .
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอวํ อกุสลํ ปชานาติ ความว่า รู้ชัด
อกุศล ด้วยสามารถแห่งอกุศลกรรมบถ 10 ตามที่ได้แสดงไว้แล้วอย่างนี้.
ถึงในบทมีอาทิว่า เอวํ อกุสลมูล ก็นัยเดียวกันนี้แหละ.