เมนู

ตอบว่า คุณ สังขารมี 3 อย่างเหล่านี้ คือ กายสังขาร 1 วจี-
สังขาร 1 จิตสังขาร 1. เพราะอวิชชาเกิด สังขารจึงเกิด เพราะอวิชชาดับ
สังขารจึงดับ อริยาษฎางคิกมรรคนี้เท่านั้น เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
ไปแห่งสังขาร คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.
เมื่อใดแล คุณ อริยสาวกรู้ชัดสังขารอย่างนี้ เหตุเกิดแห่งสังขาร
ความดับแห่งสังขาร รู้ชัดข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งสังขารอย่างนี้
เมื่อนั้นเธอจะละราคานุสัยได้ บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐิมานานุสัยว่า
เรามีออก ละอวิชชาได้โดยประการทั้งปวง ยังวิชชาให้เกิดขึ้นแล้ว เป็นผู้
ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในปัจจุบันทีเดียว แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล คุณ อริย-
สาวกชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง มีความเห็นตรง ประกอบด้วยความ
เลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน มาสู่พระสัทธรรมนี้.

อวิชชาวาระ


(128) ภิกษุเหล่านั้นได้กราบเรียนถามว่า ใต้เท้าขอรับ เหตุ
(ปริยาย) อย่างอื่น ยังคงมีอยู่หรือ ? ฯลฯ ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
ยังคงมีอยู่ คุณ แล้วได้กล่าวว่า คุณ ด้วยเหตุที่อริยสาวกรู้ชัดอวิชชา เหตุ
เกิดอวิชชา ความดับแห่งอวิชชา และรู้ชัดข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไป
แห่งอวิชชา เพียงเท่านี้แล คุณ อริยสาวกชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง
มีความเห็นตรง ประกอบด้วยความเลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน มา
สู่พระสัทธรรมนี้.
ถามว่า อวิชชาคืออะไรเล่าคุณ ? เหตุเกิดอวิชชา ความดับไป

แห่งอวิชชา ข้อปฏิบัติ ให้ถึงความดับไปแห่งอวิชชา คืออะไร.
ตอบว่า คุณ ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความ
ไม่รู้ในความดับไปแห่งทุกข์ ความไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่ง
ทุกข์ นี้แลคุณ เรียกว่าอวิชชา.
เพราะอาสวะเกิด อวิชชาจึงเกิด เพราะอาสวะดับ อวิชชาจึงดับ
อริยาษฎางคิกมรรคนี้เท่านั้น เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอวิชชา
คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ.
เมื่อใดแล คุณ อริยสาวก รู้ชัดอวิชชาอย่างนี้ เหตุเถิดอวิชชา
ความดับไปแห่งอวิชชา รู้ชัดข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอวิชชาอย่างนี้
เมื่อนั้นเธอจะละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐิมานะว่า เรามี
ออก ละอวิชชาได้โดยประการทั้งปวง ยังวิชชาให้เกิดขึ้นแล้ว เป็นผู้
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในปัจจุบันทีเดียว ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล คุณ อริย-
สาวกชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง มีความเห็นตรง ประกอบด้วยความ
เลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน มาสู่พระสัทธรรมนี้.
(129) ภิกษุเหล่านั้นได้พากันชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของท่าน
พระสารีบุตรว่า ดีแล้ว ใต้เท้า แล้วได้กราบเรียนถามปัญหาสูงขึ้นไปกะ
ท่านพระสารบุตรว่า ใต้เท้า ขอรับ เหตุ (ปริยาย) อย่างอื่นยังคงมีอีก
บ้างไหน ที่จะให้อริยสาวกเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง มีความเห็นตรง
ประกอบด้วยความเลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน ได้มาสู่พระสัทธรรม
นี้แล้ว.

อาสววาระ


(130) ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ยังคงมีอยู่ คุณ แล้วได้กล่าวว่า
คุณ ด้วยเหตุที่อริยสาวกรู้ชัดอาสวะ เหตุเกิดอาสวะ ความดับแห่งอาสวะ
และรู้ชัดข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอาสวะ เพียงเท่านี้แล คุณ อริย-
สาวกชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง มีความเห็นตรง ประกอบด้วยความ
เลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน มาสู่พระสัทธรรมนี้.
ถามว่า อาสวะคืออะไรเล่า คุณ ? เหตุเกิดแห่งอาสวะ ความดับ
แห่งอาสวะ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอาสวะคืออะไร ?
ตอบว่า คุณ อาสวะมี 3 อย่าง เหล่านี้ คือ กามาสวะ เครื่อง
ดองสันดานคือกาม 1 ภวาสวะ เครื่องดองสันดานคือภพ 1 อวิชชา-
สวะ เครื่องดองสันดานคืออวิชชา 1. เพราะอวิชชาเกิด อาสวะจึงเกิด
เพราะอวิชชาดับ อาสวะจึงดับ อริยาษฎางคิกมรรคนี้เท่านั้น เป็นข้อ
ปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอาสวะ คือ สัมมาทิฏฐิ 1 สัมมาสังกัปปะ 1
สัมมาวาจา 1 สัมมากัมมันตะ 1 สัมมาอาชีวะ 1 สัมมาวายามะ 1
สัมมาสติ 1 สัมมาสมาธิ 1.
เมื่อใดแล คุณ อริยสาวกรู้ชัดอาสวะอย่างนี้ เหตุเกิดอาสวะ ความ
ดับไปแห่งอาสวะ รู้ชัดข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอาสวะอย่างนี้ เมื่อ
นั้นเธอจะละราคานุสัย บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนอนุสัยคือทิฏฐิมานะว่า
เรามีออก ละอวิชชาได้โดยประการทั้งปวง ยังวิชชาให้เกิดขึ้นแล้ว
เป็นผู้การทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในปัจจุบันทีเดียว ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล คุณ
อริยสาวกชื่อว่า มีความเห็นถูกต้อง มีความเห็นตรง ประกอบด้วยความ