เมนู

ถามว่า เพราะเหตุไร อวิชชาจึงพินาศไป ?
ตอบว่า เพราะวิชชาเกิดขึ้น.
แม้ในสองบทนอกนี้ก็นัยนี้.
บทว่า ยถา ในคำว่า ยถาตํ ใช้ในความหมายว่า อุปมา
(เปรียบเทียบ).
บทว่า ตํ เป็นนิบาต. บุคคลชื่อว่าไม่ประมาท เพราะความไม่อยู่
ปราศจากสติ ชื่อว่ามีความเพียรเครื่องเผากิเลสด้วยธรรมเครื่องทำกิเลสให้
เร่าร้อนทั่วคือวิริยะ ชื่อว่า มีตน (จิต ) อันส่งไปแล้ว เพราะไม่มีความ
ห่วงใยในร่างกายและชีวิต.
บทว่า ปหิตตฺตสฺส ความว่า มีตนอันส่งไปแล้ว. มีอธิบาย
(เพิ่มเติม) ดังนี้ว่า เมื่อโยคาวจรบุคคลไม่ประมาท มีความเพียรเครื่องเผา
กิเลส มีตนส่งไปอยู่ อวิชชาพึงถูกกำจัด วิชชาพึงเกิดขึ้น ความมืดพึง
ถูกกำจัด แสงสว่างพึงเกิดขึ้นฉันใด สำหรับเราตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน
อวิชชาถูกขจัดแล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น ความมืดถูกขจัดแล้ว แสงสว่าง
ก็เกิดขึ้น เราตถาคตได้ผลที่สมควรกับการบำเพ็ญเพียรนั้น.
กถาว่าด้วยปุพเพนิวาสานุสสติญาณจบ.

กถาว่าด้วยจุตูปปาตญาณ


[49] ในกถาว่าด้วยจุตูปปาตญาณพึงทราบอธิบายดังต่อไปนี้
ก็เพราะเหตุที่ในที่นี้ บาลีมาแล้วด้วยอำนาจพระผู้มีพระภาคเจ้า ฉะนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ปสฺสามิ ปชานามิ (เราตถาคตเห็นอยู่

รู้อยู่ ). ความแปลกกันมีอยู่เท่านี้. คำที่เหลือเหมือนกับที่ได้กล่าวไว้แล้ว
ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเลยทีเดียว.
ก็ในกถานี้ บทว่า วิชฺชา ได้แก่วิชชา คือทิพยจักษุญาณ.
บทว่า อวิชฺชา ได้แก่อวิชชาที่ปกปิดจุติและปฏิสนธิของสัตว์
ทั้งหลาย. คำที่เหลือเหมือนกับที่กล่าวมาแล้วทีเดียว.
ก็เพราะเหตุที่พระมหาสัตว์ทั้งหลายได้บำเพ็ญบารมีมาแล้ว จึงไม่มี
ความจำเป็นต้องทำบริกรรม เพราะว่าท่านเหล่านั้นพอน้อมจิตไปเท่านั้น
ก็จะระลึกถึงขันธ์ที่อาศัยอยู่ในกาลก่อนได้มากมาย จะเห็นสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยทิพยจักษุ ฉะนั้น วิธีเจริญวิชชาเหล่านั้นเริ่มต้นตั้งแต่ทำบริกรรม
ที่กล่าวไว้แล้วในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้น จึงไม่จำเป็นต้องนำมาแสดงไว้
ในที่นี้.

กถาว่าด้วยอาสวักขยญาณ


[50] ในวิชชาที่ 3 พึงทราบอธิบายดังต่อไปนี้ :-
ในคำว่า โส เอวํ สนาหิเต จิตฺเต เราตถาคตนั้น เมื่อจิต
ตั้งมั่นอย่างนี้แล้ว จิตที่ตั้งมั่นพึงทราบว่า คือจตุตถฌานอันเป็นพื้นฐาน
สำหรับเจริญวิปัสสนา.
บทว่า อาสวานํ ขยญาณาย ความว่า เพื่อประโยชน์แก่อรหัตต-
มรรคญาณ. แท้จริงอรหัตตมรรคเรียกว่า ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะ
ทั้งหลาย เพราะทำอาสวะให้พินาศ และญาณนี้ย่อมมีในอรหัตตมรรคนั้น
เพราะนับเนื่องในอรหัตตมรรคนั้น
สองบทว่า จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ คือน้อมจิตที่สัมปยุตด้วยวิปัสสนา
ไป.