เมนู

7. ลักขณสูตร



เรื่อง มหาปุริสพยากรณ์



[130] ข้าพเจ้า (พระอานนทเถระเจ้า) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในพระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญดังนี้ พระผู้มี
พระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระมหาบุรุษผู้ประกอบด้วย
มหาปุริสลักษณะ 32 ประการ เหล่านี้ ย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็น
อย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือน จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็น
ธรรมราชามีมหาสมุทร 4 เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีอาณาจักรมั่นคง
ประกอบด้วย รัตนะ 7 ประการ. คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี
นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกเเก้ว เป็นที่ 7. พระราชบุตรของพระองค์มี
กว่าหนึ่งพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนา
ของข้าศึกได้. พระองค์ทรงชนะโดยธรรม โดยเสมอ มิต้องใช้อาชญา
มิต้องใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดิน มีสาครเป็นขอบเขต มิได้มีเสา.
เขื่อน ไม่มีนิมิต ไม่มีเสี้ยนหนาม มั่งคั่งแพร่หลาย มีความเกษมสำราญ
ไม่มีเสนียด ถ้าเสด็จออกบวชเป็นพรรพชิตจะได้เป็นพระอรหันตสัมมา-
ไม่มีพุทธเจ้า มีหลังคา คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มหาปุริสลักษณะ 32 ประการนั้นเป็นไฉน ซึ่งพระมหาบุรุษประกอบแล้ว
ย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือถ้าครองเรือนจะได้เป็น

พระเจ้าจักรพรรดิ. อนึ่ง ถ้าพระมหาบุรุษนั้นเสด็จออกผนวช จะได้เป็น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย มหาบุรุษในโลกนี้
1. มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี การที่พระมหาบุรุษมี
พระบาทประดิษฐานเป็นอันดีนี้ เป็นมหาปุริสลักษณะ
ของมหาบุรุษ
2. พื้นภายใต้ฝ่าพระบาทของพระมหาบุรุษ มีจักรเกิดขึ้นมี
ซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง
แม้การที่พื้นภายใต้ฝ่าพระบาท ของพระมหาบุรุษมีจักร
เกิดขึ้นมีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ
ทั้งปวงนี้ก็เป็นมหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ
3. มีส้นพระบาทยาว
4 . มีพระองคุลียาว
5. มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่ายพระบาทอ่อน นุ่ม
6. มีฝ่าพระหัตถ์ฝ่าพระบาทมีลายประหนึ่งตาข่าย
7. มีข้อพระบาทลอยอยู่เบื้องบน
8. มีพระชงฆ์เรียวดุจแข็งเนื้อทราย
9. เสด็จยืนมิได้น้อมพระวรกายลงเอาฝ่าพระหัตถ์ทั้งสอง
ลูบคลำได้ถึงพระชานุทั้งสอง
10. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก
11. มีพระฉวีวรรณดุจทองคำ คือมีพระตจะประดุจหุ้ม

ด้วยทอง
12. มีพระฉวีละเอียด เพราะพระฉวีละเอียดธุลีละอองจึง
มิได้ติดอยู่ในพระวรกาย
13. มีพระโลมาขุมละเส้น ฯ เสมอไปทุกขุมขน
14. มีพระโลมามีปลายช้อยขึ้นข้างบน มีสีเขียวเหมือนสี
ดอกอัญชัญ ขดเป็นกุณฑลทักษิณาวัฏ
15. มีพระวรกายตรงเหมือนกายพรหม
16. มีพระมังสะเต็มในที่ 7 สถาน คือหลังพระหัตถ์ทั้งสอง
หลังพระบาททั้งสอง จงอยพระอังสาทั้งสอง และ
พระศอ
17. มีกึ่งพระกายท่อนบนเหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของสีหะ
18. มีระหว่างพระอังสาเต็ม
19. มีปริมณฑลดุจไม้นิโครธ วาของพระองค์เท่ากับพระ
วรกายของพระองค์ พระวรกายของพระองค์เท่ากับ
วาของพระองค์
20. มีลำพระศอกลมเท่ากัน
21. มีปลายเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันดี
22. มีพระหนุดุจคางราชสีห์
23. มีพระทนต์ 40 ซี่
24. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
25. มีพระทนต์ไม่ห่าง

26. มีพระทาฐะขาวงาม
27. มีพระชิวหาใหญ่
28. มีพระสุรเสียงดุจเสียงแห่งพรหม ตรัสมีนำเนียงดัง
นกการะเวก
29. มีพระเนตรดำสนิท
30. มีดวงพระเนตรดุจตาโค
31. มีพระอุณาโลมบังเกิด ณ ระหว่างพระโขนง มีสีขาว
อ่อนควรเปรียบด้วยนุ่น
32. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาปุริสลักษณะ 32 ประการนี้แล ที่พระ
มหาบุรุษประกอบแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้มีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่าง
อื่น คือถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ . . . อนึ่ง ถ้าพระ-
มหาบุรุษเสด็จออกผนวชจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลังคาคือ
กิเลสอันเปิดแล้วในโลก. ภิกษุทั้งหลาย พวกฤษีแม้เป็นภายนอก ย่อม
ทรงจำมหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ 32 เหล่านี้ได้ แต่ฤษีเหล่านั้นย่อม
ไม่ทราบว่าเบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เพราะกรรมที่ตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ไว้ สัตว์ที่บำเพ็ญกุศลกรรมนั้น
ย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายอื่นในโลกสวรรค์โดยสถาน 10 คือ อายุทิพย์
วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์
เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ และโผฏฐัพพทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์
นั้นแล้วมาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้มหาปุริสลักษณะนี้.

ว่าด้วยบุรพาธิการของพระตถาคต



[ 130 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน
ภพก่อน กำเนิดก่อนเป็นผู้ยึดมั่นในกุศลธรรม ยึดมั่นไม่ถอยหลัง ในกาย
สุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต การบำเพ็ญทาน ในการสมาทานศีล ในการ
รักษาอุโบสถ ในการปฏิบัติดีในมารดา บิดา สมณพราหมณ์ ในความเป็น
ผู้เคารพต่อผู้ใหญ่ในตระกูล และในธรรม เป็นอธิกุศลอื่น ๆ ตถาคตย่อม
เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น
อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ตถาคตย่อมครอบงำ เทวดาทั้งหลาย
ในโลกสวรรค์โดยสถาน 10 คือ อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์
ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์. กลิ่นทิพย์ รสทิพย์
และโผฏฐัพพทิพย์. ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้
ย่อมได้มหาปุริสลักษณะนี้.

ทรงเหยียบพระบาทเสมอกัน



[ 132 ] พระมหาบุรุษนั้น มีพระบาทตั้งอยู่เป็นอันดี คือ ทรง
เหยียบพระบาทเสมอกันบนฟัน ทรงยกพระบาทขึ้นก็เสมอกัน ทรงจรดพื้น
ด้วยฝ่าพระบาททุกส่วนเสมอกัน พระมหาบุรุษทรงถึงพร้อมด้วยลักษณะ
นั้น หากอยู่ครองเรือน จะเป็นพระราชาจักรพรรดิ เป็นผู้ทรงธรรมเป็น
ธรรมราชา มีมหาสมุทร 4 เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีอาณาจักรมั่นคง
ถึงพร้อมด้วยรัตนะ 7 ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี
นางแก้ว คฤหดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ 7. และมีพระราชโอรสมาก
กว่าพัน ล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า พระรูปสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนา.

ของข้าศึกได้. และพระมหาบุรุษนั้นทรงชนะโดยธรรมเสมอ มิต้องใช้
อาชญามิต้องใช้ศัสตราทรงครองแผ่นดินมีสาครเป็นขอบเขตมิได้มีเสาเขื่อน
มิได้มีนิมิต ไม่มีเสี้ยนหนาม มั่งคั่งแพร่หลาย มีความเกษมสำราญ ไม่มี
หมู่โจร เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้ผลข้อนี้คือ
ไม่มีใคร ๆ ที่เป็นมนุษย์ที่เป็นข้าศึกศัตรู จะข่มได้. อนึ่ง ถ้าพระมหาบุรุษ
ออกทรงผนวชจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา คือกิเลสอัน
เปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้
ผลข้อนี้ คือ ไม่มีเหล่าข้าศึกศัตรูภายใน หรือภายนอกคือราคะ โทสะ
หรือโมหะ หรือสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม ใคร ๆ ในโลกนี้จะ
ข่มได้. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้ไว้. พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย
จึงกล่าว คาถาประพันธ์ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า
[133 ] พระมหาบุรุษยินดีแล้วในสัจจะ ในธรรม
ในการฝึกตน ในความสำรวม ในความสะอาด
ในศีลในอุโบสถกรรม ในความไม่เบียดเบียน
สัตว์ทั้งหลาย ทรงยึดถือมั่นคง ทรงประพฤติ
อย่างรอบคอบ.
เพราะกรรมนั้นพระมหาบุรุษจึงหลีกไปสู่
เพลินยินดี จุติจากไตรทิพย์แล้วเวียนมาใน
โลกนี้ เหยียบปฐพีด้วยพระบาทอันเรียบ
พวกพราหมณ์ผู้ทำนายพระลักษณะมา
ประชุมกัน แล้วทำนายว่า พระราชกุมารนี้