เมนู

2. อุทุมพริกสูตร



เรื่องสันธานคฤหบดี



[18] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏ ใน
พระนครราชคฤห์ ก็ สมัยนั้นนิโครธปริพาชกอาศัยอยู่ในอารามปริพาชก
ของพระนางอุทุมพริกา พร้อมกันบริษัทปริพาชกหมู่ใหญ่ ประมาณ
สามพันคน ครั้งนั้น สันธานคฤหบดีออกจากพระนครราชคฤห์ในเวลา
ข่าย เพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้นแล สันธานคฤหบดีคิดว่า
เวลานี้ ยังไม่ถึงเวลาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
หลีกเร้นอยู่ มิใช่สมัยสมควรที่จะเข้าไปพบปะเหล่าภิกษุผู้อบรมใจ ภิกษุ
ทั้งหลายผู้อบรมใจยังหลีกเร้นอยู่ ถ้ากระไร เราควรจะเข้าไปยังปริพา-
ชการามของพระนางอุทุมพริกา เข้าไปหานิโครธปริพาชกเสียก่อน ครั้งนั้น
แล สันธานคฤหบดีเข้าไปยังปริพาชการามของพระนางอุทุมพริกา เข้าไป
หานิโครธปริพาชก
[19] สมัยนั้นแล นิโครธปริพาชกนั่งอยู่กับบริษัทปริพาชก
หมู่ใหญ่ กำลังสนทนาติรัจฉานกถาต่าง ๆ ด้วยเสียงดังลั่น คือพูดเรื่อง
พระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย
เรื่องการรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้
เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่อง
ชนบท เรื่องนคร เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องดื่มสุรา เรื่องตรอก
เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก
เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม
ด้วยประการนั้น ๆ

นิโครธปริพาชกได้เห็นสันธานคฤหบดีมาแต่ไกล จึงเตือนบริษัทของตน
ให้สงบเสียงว่า ท่านทั้งหลายจงสงบเสียงหน่อย อย่างส่งเสียงดังนัก สัน-
ธานคฤหบดีนี้เป็นสาวกของพระสมณโคดม กำลังมา สันธานคฤหบดีนี้
เป็นสาวกคนหนึ่ง ในบรรดาสาวกของพระสมณโคดมที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งห่ม
ผ้าขาว อาศัยอยู่ในเมืองราชคฤห์ ท่านเหล่านี้ชอบเสียงเบา กล่าว
สรรเสริญคุณของเสียงเบา บางที สันธานคฤหบดีนี้ทราบถึงบริษัทมีเสียง
เบาแล้ว พึงเห็นความสำคัญที่จะเข้าไปหาก็ได้ เมื่อนิโครธปริพาชก
กล่าวอย่างนี้ พวกปริพาชกเหล่านั้นได้พากันนิ่งแล้ว
[20] ครั้งนั้นแล สันธานคฤหบดีเข้าไปหานิโครธปริพาชก
ถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไปหาแล้วได้ปราศัยกับนิโครธปริพาชก ครั้นยังสัมโม-
ทนียกถาอันเป็นเหตุให้ระลึกถึงกันผ่านไปแล้ว จึงนั่งที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง
สันธานคฤหบดีนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว กล่าวกะนิโครธปริพาชก
ว่าพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้เจริญเหล่านี้ มาพบปะสมาคมกันแล้ว มี
เสียงดังลั่นอึกทึก พากันขวนขวาย กล่าวแต่ติรัจฉานกถาต่าง ๆ โดย
ประการอื่นแล คือ เรื่องพระราชา เรื่องโจร ฯลฯ ด้วยประการนั้น ๆ
ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงเสพราวไพรในป่า เสนาสนะที่สงัด มี
เสียงน้อย มีเสียงกึกก้องน้อย มีลมพัดอ่อน ๆ สมควรแก่การทำธรรมอัน
เร้นลับของมนุษย์ สมควรแก่การหลีกเร้นโดยประการอื่นแล เมื่อสันธาน-
คฤหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว นิโครธปริพาชกได้กล่าวกะสันธานคฤหบดีว่า
เอาเถิด คฤหบดี ท่านพึงทราบว่าพระสมณโคดมจะเจรจากับใคร จะ
เข้าไปสนทนากับใคร จะมีปัญญาเฉลียวฉลาดกับใคร พระปัญญาของ
พระสมณโคดมหายไปในสุญญาคาร พระสมณโคดมไม่กล้าเข้าไปสู่ที่
ประชุม ไม่สามารถเจรจา พระองค์ท่านทรงเสพที่อันสงัด ณ ภายใน
อย่างเดียว เหมือนโคบอดตาข้างเดียวเที่ยววนเวียน เสพที่อันสงัด ณ ภายใน

ฉันใด ปัญญาของพระสมณโคดมหายไปในสุญญาคาร พระสมณโคดม
ไม่กล้าเข้าสู่ที่ประชุม ไม่สามารเจรจา พระองค์ท่านทรงเสพที่อันสงัด
ณ ภายในอย่างเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เชิญเถิด คฤหบดี ขอเชิญพระ
สมณโคดมเสด็จมาสู่ที่ประชุมนี้ พวกเราจะพึงเหยียดหยามพระองค์ด้วย
ปัญหาข้อหนึ่ง พวกเราจะบีบรัดพระองค์เหมือนบุคคลบีบรัดหม้อเล่า
ฉะนั้น

เรื่องนิโครธปริพาชก



[21] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงสดับการเจรจาระหว่าง
สันธานคฤหบดีกับนิโครธปริพาชกนี้ด้วยพระทิพยโสตธาตุ อันบริสุทธิ์
ล่วงโสตธาตุของมนุษย์. ครั้งนั้น สนเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงจาก
ภูเขาคิชฌกูฏแล้ว เสด็จเข้าไปยังสถานที่ให้เหยื่อแก่นกยูง ที่ฝั่งสระโบก-
ขรณีสุมาคธา ครั้นแล้ว เสด็จจงกรมอยู่ ในที่แจ้ง ณ สถานที่ให้เหยื่อ
แก่นกยูง ที่ฝั่งสระโบกขรณีสุมาคธา นิโครธปริพาชกเห็นพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง ณ สถานที่ให้เหยื่อแก่นกยูง ที่ฝั่งสระ
โบกขรณีสุมาคธา จึงเตือนบริษัทของตนให้สงบเสียงว่า ขอท่านทั้งหลาย
จงสงบเสียง อย่าส่งเสียงดังนัก พระสมณโคดมนี้เสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง
ณ สถานที่ให้เหยื่อแก่นกยูง ที่ฝั่งสระโบกขรณีสุมาคธา พระองค์โปรด
เสียงเบา และกล่าวสรรเสริญคุณของเสียงเบา บางที พระองค์ทรงทราบ
ว่า บริษัทนี้มีเสียงเบาแล้ว พึงเห็นความสำคัญที่จะเสด็จเข้าไปก็ได้ ถ้า
ว่า พระสมณโคดมจะพึงเสด็จมาสู่ที่ประชุมนี้ เราจะพึงทูลถามปัญหากะ
พระองค์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำพระ
สาวก ด้วยธรรมใด สาวกอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำแล้วถึงความ
เบาใจ ย่อมรู้เฉพาะซึ่งอาทิพรหมจรรย์ อันเป็นอัชฌาศัย ด้วยธรรมใด