เมนู

ไว้ ทั้งตัวท่านก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่ เป็นผู้
ปฏิบัติชอบเป็นผู้ประพฤติตามธรรม ย่อมยึดถือประพฤติธรรมนั้น. ดูก่อน
จุนทะ ด้วยเหตุดังนี้แลแม้ศาสดาก็ควรได้รับความสรรเสริญในธรรมนั้น
แม้ธรรมก็ควรได้รับความสรรเสริญ แม้สาวกก็ควรได้รับความสรรเสริญใน
ธรรมนั้นอย่างนี้. ดูก่อนจุนทะ ผู้ใดแลพึงกล่าวกะสาวกเห็นปานนั้นอย่าง
นี้ว่า ท่านเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อธรรมอันควรรู้ จักยังธรรมอันควรรู้ให้สำเร็จ
ได้โดยแท้. ผู้ที่สรรเสริญผู้ที่ได้รับสรรเสริญ ผู้ที่ได้รับสรรเสริญแล้วย่อม
ปรารภความเพียรโดยประมาณยิ่ง คนทั้งหมดนั้นจะประสบบุญเป็นอันมาก.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร. ดูก่อนจุนทะ เพราะว่าข้อนี้ย่อมมีในธรรมวินัยที่
ศาสดากล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไป
จากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะ
ประกาศไว้อย่างนี้แล.

ว่าด้วยกาลกิริยาของศาสดา



[100] ดูก่อนจุนทะ ศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิด
ขึ้นแล้วในโลกนี้ และธรรมอันศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดี
แล้ว เป็นธรรมที่นำปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่สาวกทั้งหลายของ
ศาสดานั้นเป็นผู้ไม่รู้แจ้งเนื้อความในสัทธรรม และพรหมจรรย์ อัน
บริบูรณ์สิ้นเชิง เป็นคำสอนอันศาสดาของสาวกเหล่านั้นทำให้แจ้งแล้ว
ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ ครั้นต่อมา
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดี แก่สาวกเหล่านั้น ครั้นต่อมา
ศาสดาของสาวกเหล่านั้นย่อมอันตรธานไป. ดูก่อนจุนทะ ศาสดาเห็น

ปานนั้น ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ทำให้สาวกเหล่านั้นเดือดร้อน. ข้อนั้น
เพราะเหตุไร. เพราะว่าศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะได้เกิดแล้วใน
โลก และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าวไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว
เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบเป็น
ธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ แต่ว่าเราทั้งหลายไม่ได้เป็น
ผู้รู้แจ้งในเนื้อความในสัทธรรม และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง
ไม่ได้เป็นคำสอนอันเราทั้งหลายทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้
มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ พอที่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดี ครั้นต่อมาศาสดาของเราทั้งหลายย่อมอันตรธาน
ไป ดูก่อนจุนทะ ศาสดาเห็นปานนั้นแล ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วทำ
สาวกเหล่านั้นเดือดร้อน.
[101] ดูก่อนจุนทะ อนึ่ง ศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมา-
สัมพุทธะ เกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดา
นั้นกล่าวไว้แล้ว เป็นธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้
และสาวกทั้งหลายของศาสดานั้น เป็นผู้รู้แจ้งเนื้อความในสัทธรรม
และสาวกทั้งหลายของศาสดานั้น เป็นผู้รู้แจ้งเนื้อความในสัทธรรม
และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิง เป็นคำสอนอันศาสดานั้นทำให้แจ้ง
แล้ว ทำให้ตื่นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์
พอที่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดี แก่สาวกเหล่านั้น ครั้น
ต่อมาศาสดาของสาวกเหล่านั้น ย่อมอันตรธานไป. ก่อนจุนทะ ศาสดา
เห็นปานนี้แล ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ย่อมไม่ทำให้สาวกเหล่านั้นเดือด
ร้อน. ข้อเพื่อเหตุไร. เพราะว่าแม้ศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมา-

สัมพุทธะ ก็เกิดขึ้นแล้วในโลก และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าว
ไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้
เป็นไปเพื่อความ เป็นธรรมอันท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้
และเราทั้งหลายก็เป็นผู้รู้แจ้งเนื้อความในในสัทธรรม และพรหมจรรย์
อันบริบูรณ์สิ้นเชิง ก็เป็นคำสอนอันเราทั้งหลายทำให้แจ้งแล้ว. ทำ
ให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ พอที่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดี ครั้นต่อมาศาสดาอันตรธานไป.
ดูก่อนจุนทะ ศาสดาเห็นปานนั้น ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ก็ไม่ทำให้สาวก
ทั้งหลายเดือดร้อน.

ว่าด้วยพรหมจรรย์



[102] ดูก่อนจุนทะ แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์
เหล่านี้ คือ ศาสดาไม่เป็นเถระ ไม่เป็นรัตตัญญู ไม่เป็นผู้บวชนาน ไม่
เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย พรหมจรรย์นั้นย่อมไม่บริบูรณ์ด้วยองค์นั้น. ดูก่อน
จุนทะ เมื่อใดแล แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ
ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย
เมื่อนั้น พรหมจรรย์ย่อมบริบูรณ์ด้วยองค์นั้น.
[103] ดูก่อนจุนทะ แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์
เหล่านี้ คือ ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาล
ผ่านวัย แต่ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ไม่เป็นเถระ ไม่เป็น
ผู้ฉลาด ไม่เป็นผู้ได้รับแนะนำ ไม่เป็นผู้แกล้วกล้า และบรรลุธรรม
อันเกษมจากโยคะ ไม่สามารถกล่าวพระสัทธรรมได้ ไม่สามารถแสดง
ธรรมให้มีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรัปปวาทอันเกิดขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรม