เมนู

6. ปาสาทิกสูตร



เรื่องนิคัณฐนาฏบุตรถึงแก่กรรม



[94] ข้าพเจ้า (พระอานนทเถระเจ้า) ได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ปราสาทในสวนอัม-
พวันของพวกศากยะ มีนามว่า เวธัญญา ในแคว้นสักกะ. ก็สมัยนั้น
นิคัณฐนาฏบุตร ได้ถึงแก่กรรมที่เมืองปาวา ไม่นานนัก. เพราะนิคัณฐ-
นาฏบุตรนั้นได้ถึงแก่กรรม พวกนิครณฐ์ จึงแตกกัน ได้แตกแยกกัน
เป็นสองฝ่าย เกิดบาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกันขึ้น ทิ่มแทงกันและ
กันด้วยหอกคือปากอยู่ว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัย
นี้ ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านเป็นผู้ปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติ
ถูก ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์ คำที่ควร
จะกล่าวก่อน ท่านกลับกล่าวภายหลัง คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับ
กล่าวก่อน สิ่งที่ท่านช่ำชองได้ผันแปรไปแล้ว ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้
แล้ว ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะเสีย หรือจงแก้ไขเสีย ถ้า
สามารถ. เห็นจะมีแต่ความตายเท่านั้น จะเป็นไปในพวกอันเตวาสิกของนิ-
ตัณฐนาฏบุตร. พวกสาวกของนิคัณฐนาฏบุตรเหล่าใดที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาว
ห่มขาว พวกสาวกเหล่านั้นมีอาการเบื่อหน่าย คลาดความรัก รู้สึกท้อถอยใน
พวกอันเตวาสิกของนิคัณฐนาฏบุตร โดยเหตุที่ธรรมวินัยที่นิคัณฐนาฏบุตร
กล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมวินัย ที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์

ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ มิใช่ธรรมวินัยอันพระสัมมาสัมพุทธะประกาศ
ไว้ เป็นธรรมวินัยที่ถูกทำลายเสียแล้ว เป็นธรรมวินัยอันไม่มีที่พึ่งอาศัย.
[95] ครั้งนั้น พระจุนทสมณุเทสจำพรรษาอยู่ในเมืองปาวาได้
เข้าไปหาท่านพระอานนทเถระซึ่งอยู่ในสามคาม ครั้นเข้าไปหาแล้วได้
กราบไหว้ท่านพระอานนทเถระเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้น
แล้วได้กล่าวกะท่านพระอานนทเถระเจ้าว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า นิคัณฐ-
นาฎบุตร ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วที่เมืองปาวา เมื่อไม่นานมานี้ เพราะนิคัณฐ-
นาฏบุตรถึงแก่กรรม พวกนิครณฐ์แตกกัน เกิดแยกเป็นสองพวก ฯลฯ
โดยเหตุที่ธรรมวินัยที่นิคัณฐนาฏบุตรกล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่
เป็นธรรมวินัยที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ
ไม่ใช่ธรรมวินัยที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ เป็นธรรมวินัยที่ถูกทำ
ลายเสียแล้ว เป็นธรรมวินัยไม่มีที่พึ่งอาศัย. เมื่อพระจุนทสมณุเทสกล่าว
อย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กล่าวกะพระจุนทสมณเทสว่า ดูก่อนอาวุโส
จุนทะ มีมูลเหตุแห่งถ้อยคำนี้ เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า อาวุโสจุนทะมา
เถิด เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่ประทับ แล้วพึงกราบทูล
เรื่องนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระจุนทาสมณุเทสรับคำของท่าน
พระอานนทเถระเจ้าแล้ว.
ครั้งนั้น ท่านพระอานนทเถระเจ้า และพระจุนทสมณุเทส ได้
พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับ ได้กราบถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ท่านพระอานนท-

เถระเจ้า ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระ
จุนทสมณุเทสนี้ได้บอกว่า นิคัณฐนาฏบุตรได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว เมื่อไม่
นานมานี้ เพราะนิคัณฐนาฏบุตรถึงแก่กรรม พวกนิครณฐ์แตกกัน เกิด
แยกเป็นสองพวก ฯลฯ โดยเหตุที่ธรรมวินัยที่นิคัณฐนาฏบุตรกล่าวไว้
ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมวินัยที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์
ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ ไม่ใช่ธรรมวินัยที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะ
ประกาศไว้ เป็นธรรมวินัยที่ถูกทำลายเสียแล้ว เป็นธรรมวินัยไม่มีที่พึ่ง
พาอาศัย.

ว่าด้วยธรรมวินัยที่กล่าวไว้ไม่ดี



[96] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนจุนทะ ข้อนี้ย่อมเป็น
อย่างนั้น ในธรรมวินัยที่ศาสดากล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรม-
วินัยที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ ไม่ใช่
ธรรมวินัยที่สัมมาสัมพุทธะประกาศไว้. ดูก่อนจุนทะ ศาสดาในโลกนี้ไม่
เป็นสัมมาสัมพุทธะ และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าวไว้ไม่ดี. ประกาศ
ไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อ
ความสงบ ไม่ใช่ธรรมที่ท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้ และ สาวก
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในธรรมนั้นอยู่ ไม่เป็นผู้ปฏิบัติ
ชอบ ไม่เป็นผู้ประพฤติตามธรรม และประพฤติหลีกเลี่ยงจากธรรม
นั้น สาวกนั้นควรที่ใคร ๆ จะกล่าวได้อย่างนี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ
เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว ศาสดาของท่านไม่เป็นสัมมาสัมพุทธะ
และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็น
ธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ ไม่เป็นเพื่อความสงบ ไม่ใช่