เมนู

ทอดถอนใจว่า รสดี รสดีดังนี้. แม้ในทุกวันนี้พวกมนุษย์ได้ของมีรสดีบาง
อย่างเท่านั้น ก็พากันกล่าวอย่างนี้ว่า รสดี รสดี ดังนี้ หมู่พราหมณ์ทั้ง
หลายพากันอนุสรณ์ถึงอักขระที่รู้กันว่าเป็นของเลิศเป็นของเก่านั้น แต่
หาได้รู้ถึงความหมายของอักขระนั้นเลย.

ว่าด้วยกะบิดินเป็นต้นเกิดขึ้น



[58] ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้งนั้นแล เมื่อง้วนดิน
ของสัตว์เหล่านั้นหายไป กะบิดินก็ปรากฏขึ้น. กะบิดินนั้นปรากฏเหมือน
เห็ด. กะบิดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น รส ได้มีสีเหมือนเนยใสที่ปรุง
อย่างดีหรือเนยขึ้นอย่างดี และได้มีรสอย่างน่าชอบใจเหมือนน้ำผึ้งซึ่งปราศ-
จากโทษฉะนั้น. ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้งนั้นแล สัตว์เหล่านั้นก็
ได้พยายามเพื่อจะบริโภคกะบิดิน สัตว์เหล่านั้น บริโภคกะบิดินนั้นแล้ว
มีกะบิดินนั้นเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรงอยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน. ดู
ก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ สัตว์เหล่านั้นเมื่อบริโภคกะบิดิน มีกะบิดิน
นั้นเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรงอยู่ตลอดกาลยืดยาวนานโดยประการใด
แล ความเป็นผู้กล้าแข็ง โดยประมาณโดยยิ่งก็ได้ปรากฏขึ้นในกายของ
สัตว์เหล่านั้น และความเป็นผู้มีผิวพรรณงดงามก็ได้ปรากฏขึ้นในกายของ
ประการนั้น. สัตว์บางพวกมีผิวพรรณดี บางพวกมีผิวพรรณเลว. บรรดา
สัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดมีผิวพรรณดี สัตว์เหล่านั้นก็พากันดูหมิ่นสัตว์
ที่มีผิวพรรณทรามว่า พวกเรามีผิวพรรณงามกว่าสัตว์เหล่านี้ สัตว์เหล่านี้
มีผิวพรรณเลวกว่าพวกเราดังนี้. เมื่อสัตว์เหล่านั้นต่างพากันมีมานะเกิดขึ้น
เพราะการดูหมิ่นผิวพรรณเป็นปัจจัย กะบิดินก็อันตรธานหายไป. เมื่อ
กะบิดินหายไปแล้ว เครือดินได้ปรากฏขึ้นมา. เครือดินนั้นได้ปรากฏคล้าย
ผลมะพร้าวฉะนั้น. เครือดินนั้นสมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น รส ได้มีสีเหมือน

เนยใสที่ปรุงอย่างดีหรือเหมือนเนยขึ้นอย่างดีฉะนั้น และได้มีรสน้ำชอบใจ
เหมือนน้ำผึ้งซึ่งปราศจาดโทษฉะนั้น. ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ
ครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้นได้พากันพยายามเพื่อที่จะบริโภคเครือดิน สัตว์
เหล่านั้นบริโภคเครือดิน ได้มีเครือดินนั้นเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรง
อยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน. ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ สัตว์เหล่านั้น
บริโภคเครือดิน มีเครือดินเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรงอยู่ตลอดกาลยืด
ยาวนานโดยประการใดแล ความเป็นผู้กล้าเข็งโดยประมาณโดยยิ่งก็ได้
ปรากฏในการแก่สัตว์เหล่านั้น ละความเป็นผู้มีผิวพรรณดีได้ปรากฏขึ้น
อย่างชัดเจน. สัตว์บางพวกมีผิวพรรณดี บ้างพวกมีผิวพรรณเลว. บรรดา
สัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใด มีผิวพรรณดี สัตว์เหล่านั้นย่อมดูหมิ่นหมู่สัตว์
ที่มีผิวพรรณเลวว่า พวกเรามีผิวพรรณดีกว่าสัตว์เหล่านี้ สัตว์เหล่านี้มี
ผิวพรรณเลวกว่าเราทั้งหลายดังนี้. เมื่อสัตว์เหล่านั้นต่างก็เกิดมีมานะ
ถือตัวเพราะมีมานะว่ามีผิวพรรณดีนั้นเป็นปัจจัย เครือดินได้อันตรธาน
หายไป. เมื่อเครือดินหายไปแล้ว เหล่าสัตว์ประชุมกัน ครั้นประชุม
กันเล้วก็ทอดถอนใจว่า เครือดินได้มีแก่เราหนอ เครือดินของเราได้
สูญหายไปหมดแล้วหนอ ดังนี้. ในสมัยนี้มนุษย์ทั้งหลายพอถูกทุกขธรรม
บางอย่างถูกต้องเข้าก็พากันกล่าวว่า ของนี้ได้มีแล้วสู่เรา ของนี้ของเรา
ได้สูญหายไปหมดแล้ว ดังนี้. พวกพราหมณ์ ย่อมอนุสรณ์ถึงอักขระอันควรรู้
ซึ่งเป็นของดีเป็นของเก่านั้นแล แต่ว่าพวกพราหมณ์เหล่านั้น หารู้ทั่วถึง
ใจความของอักขระนั้นไม่.

ว่าด้วยปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ



[59] ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นนั้นแล เมื่อเครือดิน
ของสัตว์เหล่านั้นสูญหายไปแล้ว ข้าวสาลีซึ่งบังเกิดในที่ที่ไม่ต้องไถ ไม่มี