เมนู

พระสุตตันตปิฎก



ทีฆนิกาย มหาวรรค



เล่มที่ 2 ภาคที่ 2



ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



6. มหาโควินทสูตร



เรื่องปัญจสิขะ คนธรรพบุตร



[209] ข้าพเจ้าฟังมาแล้ว อย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับที่เขาคิชฌกูฏใกล้กรุงราชคฤห์.
ครั้งนั้นแล ปัญจสิขคนธรรพ์บุตร เมื่อราตรีก้าวล่วงแล้ว มีรัศมีงดงามยิ่ง
ส่องเขาคิชฌกูฏให้สว่างไสว แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาท พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วได้ยืนอยู่ ที่ส่วนข้างหนึ่ง. ปัญจสิขคน
ธรรพบุตรยืนแล้วแลที่ส่วนข้างหนึ่ง ไค้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
พระพุทธเจ้าข้า คำใดที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังมาแล้วต่อหน้า ได้รับ
มาแล้วต่อหน้าพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลคำนั้นแด่
พระผู้มีพระภาคเจ้า. ปัญจสิขะเธอจงบอกแก่เราเถิด พระพุทธเจ้าข้า วัน
ก่อน หลายวันมาแล้วในวันอุโบสถที่ 15 นั้น ในราตรีวันเพ็ญแห่งปวารณา
เทพชั้นดาวดึงส์ทั้งสิ้นเป็นผู้นั่งประชุมพร้อมกัน ที่สุธรรมาสภาและทิพยบริษัท
ใหญ่เป็นผู้นั่งล้อมรอบ และมหาราชทั้ง 4 องค์ ต่างเป็นผู้นั่งประจำทิศทั้ง 4

คือในทิศตะวันออก มหาราชธตรัฐ อันพวกเทวดาแวดล้อมแล้ว นั่งหันหน้า
ไปทางทิศตะวันตก ในทิศใต้ มหาราชวิรุฬหก อันพวกเทวดาแวดล้อมแล้ว
นั่งหันหน้าไปทิศเหนือ ในทิศตะวันตก มหาราชวิรูปักขะ อันพวกเทวดา
แวดล้อมแล้ว นั่งหันหน้าไปทิศตะวันออก ในทิศเหนือ มหาราชเวสวัณ อัน
เทวดาแวดล้อมแล้ว นั่งหันหน้าไปทิศใต้ พระพุทธเจ้าข้า ก็แหละในเวลาที่
เทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหมดด้วยกันเป็นผู้นั่งประชุมกันที่สุธรรมาสภา ทิพยบริษัท
ใหญ่เป็นผู้นั่งแล้วล้อมรอบ และมหาราชทั้ง 4 องค์ก็เป็นผู้นั่งประจำทิศทั้ง 4
แล้ว อาสนะนี้เป็นของพวกท่าน เหล่านั้น และอาสนะหลังเป็นของพวกเรา
พระพุทธเจ้าข้า พวกเทพเหล่าใด ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า
เข้าถึงชั้นดาวดึงส์เมื่อไม่นาน เทพเหล่านั้น ย่อมรุ่งเรืองยิ่งเทพเหล่าอื่น ทั้ง
ด้วยรัศมีทีเดียว ทั้งด้วยยศ เพราะเหตุนั้น จึงเล่ากันมาว่า พวกเทพชั้นดาวดึงส์
จึงชื่นใจ บันเทิง เกิดปิติโสมนัสว่า โอหนอ ผู้เจริญ กายทิพย์ย่อมบริบูรณ์
กายอสูรย่อมเสื่อม

คาถาอนุโมทนา



พระพุทธเจ้าข้า ครั้งนั้น แล ท้าวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบความ
เลื่อมใส ของพวกเทพชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ทรงอนุโมทนาด้วยคาถาเหล่านี้ ว่า
[210] โอหนอผู้เจริญ พวกเทพชั้นดาวดึงส์
พร้อมกับพระอินทร์ ย่อมบันเทิงไหว้พระ
ตถาคตและความที่เป็นธรรมเป็นธรรมดี.
เห็นอยู่ซึ่งพวกเทพใหม่เทียว ผู้มีรัศมี
มียศ ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสุคต
และมาในที่นี้.

พวกเทพเหล่านั้นรุ่งเรืองล่วงเทพเหล่า
อื่น โดยรัศมี โดยยศ โดยอายุ เป็น
สาวกของพระผู้มีปัญญา เหมือนแผ่นดิน
บรรลุคุณวิเศษแล้วในสวรรค์ชั้นนี้.
พวกเทพชั้นดาวดึงส์พร้อมทั้งพระ-
อินทร์เห็นข้อนี้แล้วจึงต่างยินดี ไหว้อยู่ซึ่ง
พระตถาคต และความที่ธรรมเป็นธรรมดี.

[211] พระพุทธเจ้าข้า เพราะเหตุนั้น จึงกล่าวกันมาว่า พวกเทพ
ชั้นดาวดึงส์จึงชื่นใจ บันเทิง เกิดปิติโสมนัสโดยประมาณยิ่งว่า โอหนอผู้เจริญ
กายทิพย์ย่อมบริบูรณ์ กายอสูรย่อมเสื่อม. ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพ ทรง
ทราบความเลื่อมใสพร้อมของทวยเทพชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ทรงเรียกทวยเทพชั้น
ดาวดึงส์ว่า ท่านผู้นิรทุกข์ พวกท่านอยากจะฟังพระคุณตามความเป็นจริง
แปดอย่างของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหรือไม่. พวกข้าพเจ้าอยากจะฟังพระคุณ
ตามความเป็นจริงแปดอย่างของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น. ทีนั้นท้าวสักกะจอม-
เทพจึงตรัสพระคุณตามความเป็นจริงแปดอย่างของพระผู้มีพระภาคเจ้าแก่พวก
เทพชั้นดาวดึงส์ว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย พวกเทพชั้นดาวดึงส์จะสำคัญข้อความ
นั้นเป็นไฉน

ว่าด้วยพระคุณ 8 ประการ



[1] ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่
ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก
เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เราไม่พิจารณาเห็นศาสดาที่ปฏิบัติ เพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อ