เมนู

[กรรมวิบัติโดยญัตติ]


อนึ่ง พึงทราบวินิจฉัยในวิบัติโดยญัตติ ดังต่อไปนี้ :-
สองบทว่า วตฺถุํ น ปรามสติ มีความว่า สงฆ์ทำกรรมมีอุปสมบท
เป็นต้นแก่บุคคลเหล่าใด ไม่ระบุบุคคลนั้น คือไม่ระบุชื่อบุคคลนั้น ได้แก่
สวดว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงพึงข้าพเจ้า อุปสัมปทาเปกขะของท่านพุทธ-
รักขิต ในเมื่อควรสวดว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ธัมมรักขิตนี้
เป็นอุปสัมปทาเปกขะของท่านพุทธรักขิต ไม่ระบุวัตถุอย่างนี้.
สองบทว่า สงฺฆํ น ปรามสติ มีความว่า ไม่ระบุชื่อสงฆ์ คือ
สวดว่า ท่านผู้เจริญ ขอจงฟังข้าพเจ้า ธัมมรักขิตนี้ ดังนี้ ในเมื่อควรสวดว่า
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ธัมมรักขิตนี้ ไม่ระบุสงฆ์อย่างนี้.
สองบทว่า ปุคฺคลํ น ปรามสติ มีความว่า ภิกษุใด เป็น อุปัชฌาย์
ของอุปสัมปทาเปกขะ ไม่ระบุภิกษุนั้น คือ ไม่ระบุชื่อของภิกษุนั้น ได้แก่
สวดว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ธัมมรักขิตนี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ
ดังนี้ ในเมื่อควรสวดว่า ท่านผู้เจริญ ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ธัมมรักขิตนี้
เป็นอุปสัมปทาเปกขะของท่านพุทธรักขิต ไม่ระบุบุคคลอย่างนี้.
สองบทว่า ญตฺตึ น ปรามสติ มีความว่า ไม่ระบุญัตติโดย
ประการทั้งปวง คือ ในญัตติทุติยกรรม ไม่ตั้งญัตติ กระทำอนุสาวนากรรม
ด้วยกรรมวาจาเท่านั้น. แม้ในญัตติจตุตถกรรม ก็ไม่ตั้งญัตติ กระทำอนุสาวนา-
กรรม ด้วยกรรมวาจาเท่านั้น 4 ครั้ง ไม่ระบุญัตติอย่างนี้.
หลายบทว่า ปจฺฉา วา ญตฺตึ ฐเปตึ มีความว่า กระทำอนุ-
สาวนากรรม ด้วยกรรมวาจาก่อน แล้วจึงกล่าวว่า เอสา ญตฺติ แล้วกล่าว