เมนู

เสทโมจนคาถา


[1,296] บุคคลไม่มีสังวาสกับภิกษุ
และภิกษุณี การสมโภคบางอย่าง อันภิกษุ
และภิกษุณีย่อมไม่ได้ในบุคคลนั้น ไม่ต้อง
อาบัติเพราะไม่อยู่ปราศ ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,297] ครุภัณฑ์ 5 อย่าง อัน
พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ตรัสว่า
ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้จำหน่าย ผู้ใช้สอย
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คิดกันแล้ว.

[1,298] ข้าพเจ้าไม่กล่าวถึง บุคคล
10 จำพวก เว้นบุคคล 11 จำพวกเสีย ภิกษุ
ไหว้ผู้แก่กว่าต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,299] ภิกษุไม่ใช่ผู้ถูกยกวัตร ไม่
ใช่ผู้อยู่ปริวาส ไม่ใช่ผู้ทำลายสงฆ์และไม่
ใช่ผู้หลีกไปเข้ารีตตั้งอยู่ในภูมิของภิกษุผู้มี
สังวาสเสมอกัน ไฉนจงไม่ทั่วไปแก่สิกขา
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คิดกันแล้ว.

[1,300] บุคคลเข้าถึงธรรม ไต่ถาม
กุศลที่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่ผู้เป็นอยู่
ไม่ใช่ผู้ตาย ไม่ใช่ผู้นิพพาน ท่านผู้รู้ทั้ง-
หลายเรียกบุคคลนั้นว่าอย่างไร ปัญหาข้อนี้
ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายติดกันแล้ว.

[1,301] ไม่พูดถึงอวัยวะเหนือราก-
ขวัญขึ้นไป เว้นอวัยวะใต้สะดือลงมา ภิกษุ
พึงต้องอาบัติปาราชิกเพราะเมถุนธรรมเป็น
ปัจจัยได้อย่างไร ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,302] ภิกษุทำกุฎีด้วยอาการขอ
เอาเอง ไม่ได้ให้สงฆ์แสดงพื้นที่ เกินประ-
มาณ มีผู้จองไว้ หาชานรอบมิได้ ไม่ต้อง
อาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,303] ภิกษุทำกุฎีด้วยอาการขอ
เอาเอง ให้สงฆ์แสดงฟื้นที่แล้วได้ประมาณ
ไม่มีผู้จอง มีชานรอบ แต่ต้องอาบัติ ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คิดกันแล้ว.

[1,304] ไม่ประพฤติประโยคอะไร
ทางกาย และไม่พูดคนอื่น ๆ ด้วยวาจา

แต่ต้องอาบัติหนักซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความขาด
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,305] สัตบุรุษ ไม่ทำความชั่ว
อะไรทางกายและทางวาจา แม้ทางใจผู้นั้น
ถูกสงฆ์นาสนะแล้วชื่อว่าถูกนาสนะด้วยดี
เพราะเหตุใด ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้ง-
คิดกันแล้ว.

[1,306] ภิกษุไม่เจรจากับมนุษย์
ไร ๆ ด้วยวาจา และไม่กล่าวถ้อยคำกะผู้อื่น
แต่ต้องอาบัติทางวาจา มิใช่ทางกาย ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,307] สิกขาบท อันพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐพรรณนาไว้แล้วสังฆาทิเลส 4
สิกขาบท ภิกษุณีต้องทั้งหมด ด้วยประโยค
เดียวกัน ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,308] ภิกษุณี 2 รูป อุปสมบท
แต่สงฆ์ฝ่ายเดียว ภิกษุรับจีวรแต่มือของ
ภิกษุณี 2 รูป ต้องอาบัติต่างกัน ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,309] ภิกษุ 4 รูป ชวนกันไป
ลักครุภัณฑ์ 3 รูปเป็นปาราชิก รูป 1 ไม่เป็น
ปาราชิก ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,310] สตรีอยู่ข้างใน ภิกษุอยู่
ข้างนอก ช่องไม่มีในเรือนนั้น ภิกษุจะพึง
ต้องอาบัติปาราชิกเพราะเมถุนธรรมเป็น
ปัจจัยได้อย่างไร ปัญหาข้อนี้ ท่านทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,311] ภิกษุรับประเคนน้ำมัน น้ำ
ผึ้ง น้ำอ้อย และเนยใสด้วยตนเองแล้วเก็บ
ไว้ เมื่อยังไม่ล่วงสัปดาห์ เมื่อปัจจัยมีอยู่
ฉัน ต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,312] อาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์
อาบัติสุทธิกปาจิตตีย์ ภิกษุต้องพร้อมกัน
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,313] ภิกษุ 20 รูป มาประชุม
กันสำคัญว่าพร้อมเพรียงจึงทำกรรม ภิกษุ
อยู่ในที่ 2 โยชน์ พึงยังกรรมนั้นให้เสียได้
เพราะปัจจัยคือเป็นวรรค ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,314] ภิกษุต้องครุกาบัติล้วน 64
ที่ทำคืนได้ ด้วยอาการเพียงย่างเท้า และด้วย
กล่าววาจาคราวเดียวกัน ปัญหาข้อนี้ท่านผู้
ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,315] ภิกษุนุ่งผ้าอันตรวาสก
ห่มผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น ผ้าทั้งหมดนั้นเป็น
นิสสัคคีย์ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,316] ญัตติก็ไม่ใช่ กรรมวาจา
ก็ไม่เชิง และพระชินเจ้า ก็ไม่ได้ตรัสว่า
เอหิภิกขุ แม้สรณคมน์ก็ไม่มีแก่เธอ แต่
อุปสัมปทาของเธอไม่เสีย ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,317] บุคคลผู้โฉดเขลา ฆ่า
สตรีซึ่งมิใช่มารดา และฆ่าบุรุษซึ่งมิใช่บิดา
ฆ่าบุคคลผู้มิใช่อริยะ แต่ต้องอนันตริยกรรม
เพราะเหตุนั้น ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,318] บุคคลผู้โฉดเขลา ฆ่าสตรี
ผู้เป็นมารดา ฆ่าบุรุษผู้เป็นบิดาครั้นฆ่าบิดา
มารดาแล้ว แต่ไม่ต้องอนันตริยกรรมเพราะ

โทษนั้น ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
คิดกันแล้ว.

[1,319] ภิกษุไม่โจท ไม่สอบสวน
แล้วทำกรรมแก่บุคคลผู้อยู่ลับหลัง และ
กรรมที่ทำแล้วเป็นอันทำชอบแล้ว ทั้งการก
สงฆ์ไม่ต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,320] ภิกษุโจท สอบสวนแล้ว
ทำกรรมแก่บุคคลผู้อยู่ต่อหน้า และกรรมที่
ทำแล้วไม่เป็นอันทำ ทั้งการกสงฆ์ก็ต้อง
อาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิด
กันแล้ว.

[1,321] ภิกษุตัด ต้องอาบัติก็มี
ไม่ต้องอาบัติก็มี ภิกษุปกปิดต้องอาบัติก็มี ไม่
ต้องอาบัติก็มี ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว

[1,322] ภิกษุพูดจริง ต้องอาบัติ
หนัก พูดเท็จต้องอาบัติเบา พูดเท็จต้อง
อาบัติหนัก และพูดจริงต้องอาบัติเบา ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,323] ภิกษุบริโภคจีวรที่อธิษฐาน
แล้ว ย้อมด้วยน้ำย้อมแล้ว แม้กัปปะก็ทำ
แล้ว ยังต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,324] เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว
ภิกษุฉันเนื้อ เธอไม่ใช่ผู้วิกลจริต ไม่ใช่ผู้
มีจิตฟุ้งซ่าน และไม่ใช่ผู้กระสับกระส่าย
เพราะเวทนา แต่เธอไม่ต้องอาบัติ ก็ธรรม
ข้อนั้น อันพระสุคตทรงแสดงแล้ว ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,325] เธอไม่ใช่ผู้มีจิตกำหนัด
และไม่ใช่ผู้มีไถยจิต และแม้ผู้อื่นเธอก็ไม่
ได้คิดจะฆ่า ความขาดย่อมมีแก่เธอผู้ให้จับ
สลาก เป็นอาบัติถุลลัจจัยแก่ภิกษุผู้จับ
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,326] ไม่ใช่เสนาสนะป่าที่รู้กัน
ว่ามีความรังเกียจ และไม่ใช่สงฆ์ให้สมมติ
ทั้งกฐินเธอไม่ได้กราน เธอเก็บจีวรไว้ ณ
ที่นั้นเอง แล้วไปตั้งกึ่งโยชน์เมื่ออรุณขึ้น
เธอนั่นแหละไม่ต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,327] อาบัติทั้งมวลที่เป็นไปทาง
กาย มิใช่ทางวาจา ต่างวัตถุกัน ภิกษุต้อง
ในขณะเดียวกัน ไม่ก่อน ไม่หลัง ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,328] อาบัติทั้งมวลที่เป็นไปทาง
วาจา มิใช่ทางกายต่างวัตถุกัน ภิกษุต้องใน
ขณะเดียวกัน ไม่ก่อน ไม่หลัง ปัญหาข้อนี้
ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,329] ไม่เสพเมถุนนั้นในสตรี 3
จำพวก บุรุษ 3 จำพวก คนไม่ประเสริฐ
3 จำพวก และบัณเฑาะก์ 3 จำพวก และ
ไม่ประพฤติเมถุนในอวัยวะที่ปรากฏ แต่
ความขาดย่อมมีเพราะเมถุนธรรมเป็นปัจจัย
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,330] ขอจีวรกะมารดา และไม่
ได้น้อมลาภไปเพื่อสงฆ์ เพราะเหตุไร ภิกษุ
นั้นจึงต้องอาบัติ แต่ไม่ต้องอาบัติเพราะ
บุคคลผู้เป็นญาติ ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,331] ผู้โกรธ ย่อมให้สงฆ์ยินดี
ผู้โกรธ ย่อมถูกสงฆ์ติเตียน ก็ธรรมที่เป็น

เหตุให้สงฆ์สรรเสริญผู้โกรธนั้น ชื่ออะไร
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,332] ผู้แช่มชื่น ย่อมให้สงฆ์
ยินดี ผู้แช่มชื่น ย่อมถูกสงฆ์ติเตียน ก็ธรรม
ที่เป็นเหตุให้สงฆ์ติเตียนผู้แช่มชื่นนั้นชื่อ
อะไร ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิด
กันแล้ว.

[1,333] ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ และทุกกฏ
ในขณะเดียวกัน ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,334] ทั้งสองมีอายุครบ 20 ปี
ทั้งสองมีอุปัชฌาย์คนเดียวกัน มีอาจารย์คน
เดียวกัน มีกรรมวาจาอันเดียวกัน รูปหนึ่ง
เป็นอุปสัมบัน รูปหนึ่งเป็นอนุปสัมบัน
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,335] ผ้าที่ไม่ได้ทำกัปปะ และ
ไม่ได้ย้อมด้วยน้ำย้อม ภิกษุปรารถนา พึง
แสวงหามานุ่งห่ม และเธอไม่ต้องอาบัติ ก็
ธรรมอันนั้นพระสุคตทรงแสดงแล้ว ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,336] ภิกษุณีไม่ให้ ไม่รับ การ
รับไม่มีด้วยเหตุนั้น แต่ต้องอาบัติหนัก มิใช่
อาบัติเบา และการต้องนั้น เพราะการ
บริโภคเป็นปัจจัย ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,337] ภิกษุณีไม่ไห้ ไม่รับ การ
รับไม่มีด้วยเหตุนั้น แต่ต้องอาบัติเบา ไม่ใช่
อาบัติหนัก และการต้องนั้น เพราะการ
บริโภคเป็นปัจจัย ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาด
ทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,338] ภิกษุณีต้องอาบัติหนักมี
ส่วนเหลือ ปกปิดไว้ เพราะอาศัยความไม่
เอื้อเฟื้อ ไม่ใช่ภิกษุณีก็ไม่ต้องโทษ ปัญหา
ข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

เสทโมจนคาถา จบ

หัวข้อประจำเรื่อง


[1,339] ไม่มีสังวาส ไม่จำหน่าย บุคคล 10 ไม่ใช่ผู้ถูกยกวัตร
เข้าถึงธรรม อวัยวะเหนือรากขวัญ ต่อนั้น ทำกุฎีด้วยอาการขอเอาเอง 2
สิกขาบท ไม่ประพฤติประโยคทางกาย แต่ต้องอาบัติหนัก ไม่ทำความชั่ว