เมนู

ต้องอาบัติ 5 จึงแสดงคืนอาบัติเหล่านั้นในสำนักท่าน อาบัติเหล่านั่น เป็นอัน
เธอแสดงแล้วแท้; ไม่มีกิจที่จะต้องทำด้วยวาจา 2-3 ครั้ง. แม้ในวิสัชนาที่ 2
ก็พึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าออกปากขอโภชนะประณีต 9 อย่างฉัน
ต้องอาบัติ 9 จึงแสดงคืนอาบัติเหล่านั้น ในสำนักท่าน.
หลายบทว่า วตฺถํ กิตฺเตตฺวา เทเสยฺย มีความว่า พึงแสดงระบุ
วัตถุ อย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ารับประเคนเภสัช 5 ให้ล่วง 7 วันไป,
ข้าพเจ้าแสดงอาบัติเหล่านั้นตามวัตถุ ในสำนักท่าน. อาบัติทั้งหลาย เป็นอัน
ภิกษุนั้นแสดงแล้วแท้. ไม่มีกิจที่จะต้องระบุชื่ออาบัติ. แม้ในวิสัชนาที่ 2 ก็
พึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าออกปากขอโภชนะประณีต 9 อย่าง ฉันแล้ว,
ข้าพเจ้าแสดงคืนอาบัติเหล่านั้น ตามวัตถุ ในสำนักท่าน.

[ยาวตติยกาบัติเป็นต้น]


สองบทว่า ยาวตติยเก ติสฺโส มีความว่า อาบัติ 3 กองในยาวตติยกะ
เหล่านี้ คือ เป็นปาราชิกแก่ภิกษุณีผู้พระพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกวัตร, เป็น
สังฆาทิเสส แก่ภิกษุทั้งหลาย มีพระโกกาสิกะเป็นต้น ผู้ประพฤติตามพระ-
เทวทัตต์ผู้ทำลายสงฆ์ และเป็นปาจิตตีย์แก่นางจัณฑกาฬีภิกษุณี เพราะไม่
สละทิฏฐิลามก.
สองบทว่า ฉ โวหารปจฺจยา มีความว่า ภิกษุย่อมต้องอาบัติ 6
มีวาจาที่ตนประกอบเป็นปัจจัย. อย่างไร ? อย่างนี้ คือ เพราะอาชีวะเป็นเหตุ
เพราะอาชีวะเป็นการณ์ ภิกษุมีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาลามก
ครอบงำแล้ว อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มี ไม่จริง ต้องปาราชิก, เพราะ
อาชีวะเป็นเหตุ เพราะอาชีวะเป็นการณ์ ภิกษุถึงความชักสื่อ ต้องสังฆาทิเสส