เมนู

ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ รู้อยู่เกลี้ยกล่อมกัณฑกะ สมณุทเทส
ผู้ถูกสงฆ์นาสนะอย่างนั้นแล้ว.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน 3 . . .
สัปปาณกวรรค ที่ 7 จบ

หัวข้อประจำวรรค


[136] แกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย 1 บริโภคน้ำที่มีตัวสัตว์ 1 พื้นอธิกรณ์
ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม 1 รู้อยู่ปิดอาบัติชั่วหยาบ 1 อายุหย่อน 20 ปี 1
ชักชวนเดินทางกับพวกพ่อค้าผู้เป็นโจร 1 ชักชวนเดินทางกับมาตุดาม 1ํ กิน
ร่วม 1 เกลี้ยกล่อมสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้ว 1.

คำถามและคำตอบสหธรรมิกวรรคที่ 8


[137] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต
สัมมาสันพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลาย
ว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่า แนะเธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้
ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรงวินัย ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะ อันภิกษุทั้งหลายว่าท่านอยู่โดยชอบ
ธรรม กล่าวว่า แนะเธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ ตลอดเวลาที่ยัง
ไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรงวินัย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน 3 . . .
[138] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ก่นพระวินัย ณ
ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ก่นพระวินัย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน 3. . .
[139] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุ ในเพราะความ
เป็นผู้แสร้งทำหลง ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสร้งทำหลง.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐาน 3. . .
[140] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ
ให้ประหารภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ ให้ประหารแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 1 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา. . .
[141] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ
เงื้อหอกคือฝ่ามือแก่ภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ แก่
ภิกษุทั้งหลาย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา . . .
[142] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้กำจัดภิกษุด้วย
อาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้ ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูล
มิได้.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐาน 3 . . .
[143] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้แกล้งก่อความ
รำคาญแก่ภิกษุ ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุทั้งหลาย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐาน 3 . . .
[144] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ยืนแอบฟังความ
เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ยืนแอบฟังความ เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิด
บาดหมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐาน 2 คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจา และ
จิต . . .
[145] ถามว่า พระมีผู้พระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ฉันทะ เพื่อ
กรรมอันเป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ให้ฉันทะ เพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว
ถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานอาบัติ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน 3 . . .
[146] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เมื่อเรื่องอันจะ
พึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย ณ
ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อเรื่องอันจะพึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่
ในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต. . . .
[147] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้พร้อม.กับ สงฆ์ผู้
พร้อมเพรียงกันให้จีวร แล้วถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร

ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ผู้พร้อมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้
จีวรแก่ภิกษุ แล้วถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
ฐาน 3. . .
[148] ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ น้อมลาภ
ที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์ มาเพื่อบุคคล ณ ที่ไหน
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี
ถ. ทรงปรารภใคร
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์
ถ. เพราะเรื่องอะไร
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวาย
สงฆ์มาเพื่อบุคคล.
มีบัญญัติ 1 บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน 3. . .
สหธรรมมิกวรรคที่ 8 จบ

หัวข้อประจำวรรค


[149] ภิกษุกล่าวโดยชอบธรรม 1 ก่นวินัย 1 . แสร้งทำหลง 1
ให้ประหาร 1 เงื้อหอกคือฝ่ามือ 1 อาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล 1 ก่อความ
รำคาญ 1 ยืนแอบฟังความ 1 กรรมอันเป็นธรรม 1 วินิจฉัย 1 สงฆ์ผู้
พร้อมเพียงกันให้ 1 น้อมลาภมาเพื่อบุคคล 1.