เมนู

ภูตาโรจนสมุฏฐาน


[837] สิกขาบทว่าด้วยบอกอุต-
ริมนุสธรรมที่มีจริง เกิดแต่กายมิใช่เกิดแต่
วาจา มิใช่เกิดแต่จิต เกิดแต่วาจา มิใช่เกิด
แต่กาย และมิใช่เกิดแต่จิต เกิดแต่กายกับ
วาจา มิใช่เกิดแต่จิต ชื่อว่าภูตาโรจนสมุฏ-
ฐาน ย่อมเกิดแต่สมุฏฐาน 3.

ภูตาโรจนสมุฏฐาน จบ

โจรีวุฏฐาปนสมุฏฐาน


[838] สิกขาบทว่าด้วยภิกษุณีรับ
หญิงโจรให้บวช เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่
เกิดแต่กาย และเกิดโดยทวารทั้ง 3 โจรี-
วุฏฐาปนสมุฏฐานนี้ พระพุทธเจ้าผู้ธรรม
ราชาทรงตั้งไว้ว่า มีสมุฏฐาน 2 ไม่ซ้ำกัน.

โจรีวุฏฐาปนสมุฏฐาน จบ

อนนุญาตสมุฏฐาน


[839] สิกขาบทว่าด้วยภิกษุณีบวช
สตรีที่มารดาบิดา หรือสามีมิได้อนุญาต เกิด
แต่กายวาจามิใช่เกิดแต่กาย และมิใช่เกิดแต่

จิต เกิดแต่กายกับวาจามิใช่เถิดแต่จิต เกิด
แต่วาจากับจิต มิใช่เกิดแต่กาย เกิดแต่กาย
วาจาจิต 3 สถานจึงมีสมุฏฐาน 4 ไม่ซ้ำกัน.

อนนุญาตสมุฏฐาน จบ

[840] ก็สมุฏฐาน 13 ทรงแสดง
ไว้ดีแล้วโดยย่อ ๆ เป็นเหตุทำความไม่หลง
อนุโลมแก่ธรรมที่เป็นแบบ วิญญูชนเมื่อทรง
จำสมุฏฐานนี้ไว้ได้ ย่อมไม่หลงในสมุฏฐาน
แล.

ย่อหัวข้อสมุฏฐาน จบ

สมุฏฐานสีส วัณณนา


ก็แลวินิจฉัยในสมุฏฐานกถา อันเป็นอันดับแห่งโสฬสมหาวารนั้น
พึงทราบดังนี้:-
คาถาว่า อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา มีความว่า บัญญัติคือนิพพาน
ท่านวินิจฉัยว่า เป็นอนัตตา. (เมื่อดวงจันทร์ คือ พระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น
เมื่อดวงอาทิตย์ คือ พระพุทธเจ้ายังไม่อุทัยขึ้นมา).
บทว่า สภาคธมฺมานํ ได้แก่ สังขตธรรมที่มีส่วนเสมอกันด้วยอาการ
มีอาการคือไม่เที่ยงเป็นต้น.