เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อปวารณา 2 หน . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อปวารณาหนเดียว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อปวารณามีพรรษาเท่ากัน อันภิกษุกล่าวว่า
ยังไม่ทันจบจึงงดปวารณา ปวารณาเป็นอันงด.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ปวารณาเป็นอันงด.

ภิกษุผู้งดปวารณา


[247] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุในศาสนานี้
งดปวารณาของภิกษุเสีย ถ้าภิกษุเหล่าอื่นรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า ท่านองค์นี้แล มี
ความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์ มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์ มีอาชีวะ
ไม่บริสุทธิ์ เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด เมื่อถูกซักถาม ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
ถาม สงฆ์พึงกล่าวห้ามว่า อยู่เลย ภิกษุ อยู่ทุ่มเถียงกัน อย่าทะเลาะกัน
อย่าแก่งแย่งกัน อย่าวิวาทกันเลย ดังนี้ แล้วจึงปวารณา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุนี้ศาสนานี้งด
ปวารณาของภิกษุเสีย ถ้าภิกษุเหล่าอื่นรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า ท่านองค์นี้แล มี
ความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ แต่มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์ มีอาชีวะ
ไม่บริสุทธิ์ เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด เมื่อถูกชักถาม ก็ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
ถาม สงฆ์พึงกล่าวห้ามว่า อย่าเลย ภิกษุ อย่าทุ่มเถียงกัน อย่าทะเลาะกัน
อย่าแก่งแย่งกัน อย่าวิวาทกันเลย ดังนี้ แล้วจึงปวารณา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุในศาสนานี้งด
ปวารณาของภิกษุเสีย ถ้าภิกษุเหล่าอื่นรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า ท่านองค์นี้แล มีความ
ประพฤติทางกายบริสุทธิ์ มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ แต่มีอาชีวะไม่

บริสุทธิ์ เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด เมื่อถูกชักถาม ก็ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ชักถาม
สงฆ์พึงกล่าวห้ามว่า อย่าเลย ภิกษุ อย่าทุ่มเถียงกัน อย่าทะเลาะกัน อย่า
แก่งแย่งกัน อย่าวิวาทกันเลย ดังนี้ แล้วจึงปวารณา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุในศาสนานี้งด
ปวารณาของภิกษุเสีย ถ้าภิกษุเหล่าอื่นรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า ท่านองค์นี้แล มี
ความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ มีอาชีวะ
บริสุทธิ์ แต่เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด เมื่อถูกซักถาม ก็ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ชัก
ถาม สงฆ์พึงกล่าวห้ามว่า อย่าเลย ภิกษุ อย่าทุ่มเถียงกัน อย่าทะเลาะกัน
อย่าแก่งแย่งกัน อย่าวิวาทกันเลย ดังนี้ แล้วจึงปวารณา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง เมื่อถึงวันปวารณา ภิกษุในศาสนานี้ งด
ปวารณาของภิกษุเสีย ถ้าภิกษุเหล่าอื่นรู้จักภิกษุรูปนั้นว่า ท่านองค์นี้แล มี
ความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ มีความพระพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ มีอาชีวะ
บริสุทธิ์ เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา เมื่อถูกชักถาม สามารถให้คำตอบข้อ
ที่ชักถามได้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส คุณงดปวารณาของ
ภิกษุรูปนี้เพราะอะไร งดเพราะศีลวิบัติหรือ งดเพราะอาจารวิบัติหรือ งด
เพราะทิฏฐิวิบัติหรือ หากเธอจะพึงตอบอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้างดเพราะศีลวิบัติ
ข้าพเจ้างดเพราะอาจารวิบัติ ข้าพเจ้างดเพราะทิฏฐิวิบัติ เธออันสงฆ์พึงถาม
อย่างนี้ว่า คุณรู้จักศีลวิบัติ รู้จักอาจารวิบัติ รู้จักทิฏฐิวิบัติหรือ ? หากเธอจะ
พึงตอบอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จักศีลวิบัติ รู้จักอาจารวิบัติ ร้จัก
ทิฏฐิวิบัติ เธออันสงฆ์พึงถามอย่างนี้ว่า อาวุโส ก็ศีลวิบัติเป็นอย่างไร อาจาร
วิบัติเป็นอย่างไร ทิฏฐิวิบัติเป็นอย่างไร หากเธอจะพึงตอบอย่างนี้ ปาราชิก
4 สังฆาทิเสส 13 นี้ชื่อว่าศีลวิบัติ ถุลลัจจัย ปาจิตทิยะ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ

ทุพภาสิต นี้ชื่อว่าอาจารวิบัติ มิจฉาทิฏฐิ อันตคาหิกทิฏฐิ นี้ชี่อว่าทิฏฐิวิบัติ เธอ
อันสงฆ์พึงถามอย่างนี้ว่า อาวุโส คุณงดปวารณาของภิกษุนี้ด้วยเหตุอะไร งด
ด้วยได้เห็นหรือ งดด้วยได้ฟังหรือ งดด้วยสงสัยหรือ หากเธอจะพึงตอบอย่าง
นี้ว่า ข้าพเจ้างดด้วยได้เห็นก็ดี ข้าพเจ้างดด้วยได้ฟังก็ดี ข้าพเจ้างดด้วยสงสัย
ก็ดี เธออันสงฆ์พึงถามอย่างนี้ว่า อาวุโส คุณงดปวารณาของภิกษุนี้ด้วยได้
เห็นอย่างไร คุณเห็นอะไร คุณเห็นว่าอย่างไร คุณเห็นเมื่อไร คุณเห็นที่ไหน
ภิกษุนี้ต้องอาบัติปาราชิก คุณเห็นหรือ ภิกษุนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส คุณเห็น
หรือ ภิกษุนี้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . .อาบัติปาจิตติยะ. . .อาบัติปาฏิเทสนียะ. . .
อาบัติทุกกฏ . . .อาบัติทุพภาสิต คุณเห็นหรือ คุณอยู่ที่ไหน และภิกษุนี้อยู่
ที่ไหน คุณทำอะไรบ้าง ภิกษุนี้ทำอะไรบ้าง หากเธอจะพึงตอบอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้งดปวารณาของภิกษุนี้ด้วยได้เห็น แต่งดปวารณา
ด้วยได้ฟังต่างหาก เธออินสงฆ์พึงถามอย่างนี้ว่า อาวุโส คุณงดปวารณาของ
ภิกษุนี้ด้วยได้ฟังมาอย่างไร คุณได้ฟังเรื่องอะไร คุณได้ฟังมาว่าอย่างไร คุณ
ได้ฟังมาเมื่อไร คุณได้ฟังที่ไหน คุณได้ฟังว่า ภิกษุนี้ต้องอาบัติปาราชิกหรือ
ได้ฟังว่าภิกษุนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือ ได้ฟังว่าภิกษุนี้ต้องอาบัติถุลลัจจัย . . .
อาบัติปาจิตติยะ. . .อาบัติปาฏิเทสนียะ. . .อาบัติทุกกฏ . . . อาบัติทุพภาสิตหรือ
ได้ฟังมาจากภิกษุหรือ ได้ฟังมาจากภิกษุณีหรือ ได้ฟังมาจากสิกขมานาหรือ
ได้ฟังมาจากสามเณรหรือ ได้ฟังมาจากสามเณรีหรือ ได้ฟังมาจากอุบาสกหรือ
ได้ฟังมาจากอุบาสิกาหรือ ได้ฟังมาจากพระราชาหรือ ได้ฟังมาจากราชมหา
อำมาตย์หรือ ได้ฟังมาจากพวกเดียรถีย์หรือ ได้ฟังมาจากพวกสาวกเดียรถีย์หรือ
หากเธอจะพึงตอบอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้งดปวารณาของภิกษุ
นี้ด้วยได้ฟัง แต่ข้าพเจ้างดปวารณาด้วยสงสัยต่างหาก เธออันสงฆ์พึงถามอย่าง

นี้ว่า อาวุโส คุณงดปวารณาของภิกษุนี้ด้วยสงสัยอย่างไร คุณสงสัยอะไร
สงสัยว่าอย่างไร สงสัยเมื่อไร สงสัยที่ไหน คุณสงสัยว่าภิกษุนี้ ต้องอาบัติปารา-
ชิกหรือ สงสัยว่าภิกษุนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือ สงสัยว่าภิกษุนี้ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย . . . อาบัติปาจิตติยะ . . . อาบัติปาฏิเทสนียะ . . . อาบัติทุกกฏ . . . อาบัติ
ทุพภาสิตหรือ คุณฟังมาจากภิกษุแล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากภิกษุณีแล้ว
สงสัยหรือ คุณฟังมาจากสิกขมานาแล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากสามเณรแล้ว
สงสัยหรือ คุณฟังมาจากสามเณรีแล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากอุบาสกแล้วสงสัย
หรือ คุณฟังมาจากอุบาสิกาแล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากพระราชาแล้วสงสัย
หรือ คุณฟังมาจากราชมหาอำมาตย์แล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากพวกเดียรถีย์
แล้วสงสัยหรือ คุณฟังมาจากพวกสาวกเดียรถีย์แล้วสงสัยหรือ หากเธอจะพึง
ตอบอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิได้งดปวารณาของภิกษุนี้ด้วยสงสัย
ความจริงแม้ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบว่า เรางดปวารณาของภิกษุนี้เสียด้วยเหตุไร
เล่า.

ฟังคำปฏิญาณของโจทก์และจำเลย


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุโจทก์นั้นตอบข้อซักถามไม่เป็นที่พอใจ
ของสพรหมจารีผู้รู้ทั้งหลาย สงฆ์ควรบอกว่า คุณไม่ควรฟ้องภิกษุจำเลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุโจทก์นั้นตอบข้อชักถามเป็นที่พอใจ
ของสพรหมจารีผู้รู้ทั้งหลาย สงฆ์ควรบอกว่า คุณควรฟ้องภิกษุจำเลย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุโจทก์นั้นปฏิญาณว่า ตนตามกำจัดด้วย
อาบัติปาราชิกไม่มีมูล สงฆ์พึงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแล้วจึงปวารณา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากภิกษุโจทก์นั้นปฏิญาณว่า ตนตามกำจัดด้วย
อาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล สงฆ์พึงปรับอาบัติตามธรรมแล้วจึงปวารณา.