เมนู

ราตรีจวนสว่าง


ก็โดยสมัยนั้นแล ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันปวารณา ชาวบ้านมัว
ให้ทานอยู่จนราตรีจวนสว่าง จึงภิกษุเหล่านั้นได้ปรึกษากันว่า คนเหล่านี้มัว
ให้ทานอยู่จนราตรีจวนสว่าง ถ้าสงฆ์จักปวารณา 3 หน สงฆ์จักไม่ทันได้
ปวารณาทั่วกัน ราตรีนี้ก็จักสว่างเสียก่อน พวกเราจะพึงปฏิบัติอย่างไรหนอ
แล้ว กราบทูลเรื่องนั้นแค่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ในอาวาสแห่งหนึ่งถึงวันปวารณา ชาวบ้านในตำบลนี้มัวให้ทาน
อยู่จนราตรีจวนสว่าง หากภิกษุทั้งหลายในอาวาสนั้น มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
ชาวบ้านพากันให้ทานอยู่จนราตรีจวนสว่าง ถ้าสงฆ์จะปวารณา 3 หน สงฆ์
จักไม่ทันได้ปวารณาทั่วกัน ราตรีนี้ก็จักสว่างเสียก่อน ดังนี้ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้
สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบ ด้วยญัตติกรรมวาจาว่าดังนี้:-
ท่านเจ้าข้า พระสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ชาวบ้านมัวให้ทานอยู่จน
ราตรีจวนสว่าง ถ้าสงฆ์จักปวารณา 3 หน สงฆ์จักไม่ทันได้ปวารณา
ทั่วกัน ราตรีจักสว่างเสียก่อน ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว
สงฆ์พึงปวารณา 2 หน. . . หนเดียว. . .มีพรรษาเท่ากัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันปวารณา ภิกษุ
ทั้งหลายกล่าวธรรมกัน. . . ภิกษุที่เชี่ยวชาญในพระสูตร สังคายนาพระสูตรกัน
. . .พระวินัยธรตัดสินพระวินัยกัน . . .พระธรรมกถึกสนทนาธรรมกัน. . . ภิกษุ
ทั้งหลายทะเลาะกันจนราตรีจวนสว่าง หากภิกษุทั้งหลายในอาวาสนั้น มีความคิด
เห็นอย่างนี้ว่า ภิกษุทั้งหลายทะเลาะกัน จนราตรีจวนสว่าง ถ้าสงฆ์จักปวารณา
3 หน สงฆ์จักไม่ทันได้ปวารณาทั่วกัน ราตรีจักสว่างเสียก่อน ดังนี้ ภิกษุผู้
ฉลาด ผู้สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้:-