เมนู

ภิกษุผู้นวกะพึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลี
แล้ว กล่าวปวารณาอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าปวารณาต่อสงฆ์ด้วยได้เห็นก็ดี ด้วยได้
ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าว
ข้าพเจ้า ๆ เห็นอยู่จักทำคืนเสีย.
ท่านเจ้าข้า แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้
เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความ
กรุณาว่ากล่าวข้าพเจ้า ๆ เห็นอยู่จักทำคืนเสีย.
ท่านเจ้าข้า แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้
เห็นก็ดี ด้วยได้ฟังก็ดี ด้วยสงสัยก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงอาศัยความ
กรุณาว่ากล่าวข้าพเจ้า ๆ เห็นอยู่จักทำคืนเสีย.


พระพุทธานุญาตให้นั่งกระโหย่งปวารณา


[227] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์เมื่อภิกษุผู้เถระทั้งหลายนั่ง
กระโหย่งปวารณาอยู่ ยังนั่งอยู่บนอาสนะ บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์ เมื่อภิกษุผู้เถระทั้งหลายนั่ง
กระโหย่งปวารณาอยู่ จึงได้นั่งอยู่บนอาสนะเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าพระฉัพพัคคีย์ เมื่อภิกษุผู้เถระทั้งหลายนั่งกระโหย่งปวารณาอยู่ ยังนั่งบน
อาสนะจริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.