เมนู

9. ภิกษุอาพาธหนักจะถึงเสียชีวิต.
10. มีอันตรายแก่พรหมจรรย์.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตไห้สวดปาติโมกข์ย่อในเพราะอันตราย
เห็นปานนี้ เมื่อไม่มีอันตราย ให้สวดโดยพิสดาร.

อรรถกถาปาติโมกขุทเทส


ข้อว่า นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ มีความว่า
ครั้นสวดนิทานนี้ว่า สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ ฯปฯ อาวิกตา หิสฺส
ผาสุ โหติ
แล้ว พึงกล่าวว่า อุทฺทิฏฺฐํ โข อายสฺมนฺโต นิทานํ. ตตฺถา-
ยสฺมนฺเต ปุจฺฉามิ. กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา ? ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ ฯปฯ
เอวเมตํ ธารยามิ1
แล้วพึงสวด 4 อุทเทสที่เหลือด้วยสุตบท อย่างนี้ว่า สุตา
โขุ ปนายุสฺมนฺเตหิ จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา ฯปฯ อวิวทมา-
เนหิ สิกขิตพฺพํ.
ปาฏิโมกขุทเทส 4 ที่เหลือ พึงทราบตามนัยนี้.
สัญจรภัยนั้น ได้แก่ ภัยเกิดแก่มนุษย์ผู้ท่องเที่ยวไปในดง.
วินิจฉัยในอันตราย 10 คือ ราชันตรายเป็นอาทิ. ถ้าเมื่อภิกษุทั้งหลาย
คิดว่า เราจักทำอุโบสถ นั่งประชุมกันแล้ว พระราชาเสด็จมา นี้ชื่อว่าราชัน-
ตราย. พวกโจรพากันมา นี้ชื่อโจรันตราย. ไฟป่าลามมา หรือไฟเกิดขึ้นใน
อาวาส นี้ชื่ออัคคยันตราย. ฝนตกหรือน้ำหลากมา นี้ชื่ออุทกันตราย. มนุษย์
มากันมาก นี้ชื่อมนุสสันตราย. ผีเข้าภิกษุ นี้ชื่ออมนุสสันคราย. สัตว์ร้ายมี
เสือเป็นต้น เข้ามา นี้ชื่อวาฬันคราย. สัตว์พิษมีงูเป็นต้น กัดภิกษุ นี้ชื่อสิรึส-
ปันตราย. ภิกษุอาพาธ หรือทำกาลกิริยา หรือพวกคนมีเวรกัน ปองจะฆ่า

1. นิทานุทเทส ไม่น่าจะต้องถาม ดูอธิบายในวินัยมุขเล่ม 2 กัณฑ์ที่ 17.

จับภิกษุนั้น นี้ชื่อชีวิตันตราย. มนุษย์ประสงค์ ให้ภิกษุรูปเดียวหรือหลายรูป
เคลื่อนจากพรหมจรรย์ จับเอาไป นี้ชื่อพรหมจริยันตราย.
ในอันตรายเห็นปานนี้ พึงสวดปาติโมกข์ย่อได้. จะพึงสวดอุทเทสที่
1 หรือสวด 2 อุทเทส. 3 อุทเทส 4 อุทเทส เบื้องต้นก็ตาม. ในอุทเทส
เหล่านั้น มีอุทเทสที่ 2 เป็นต้น เมื่ออุทเทสโดยังสวดไม่จบ มีอันตราย อุทเทส
แม้นั้น พึงสวดด้วยสุตบททีเดียว.

อรรถกถาปาติโมกขุทเทส จบ

จะแสดงธรรมต้องได้รับอาราธนาก่อน


[168] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ไม่ได้รับอาราธนา แสดง
ธรรมในท่ามกลางสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ได้
รับอาราธนา ไม่พึงแสดงธรรมในท่ามกลางสงฆ์ รูปใดแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้เถระแสดงธรรมเอง หรือ
ให้อาราธนาผู้อื่น แสดง

ถามพระวินัยต้องได้รับสมมติก่อน


[169] ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคีย์ยังไม่ได้รับสมมติ ถามพระ
วินัยในท่ามกลางสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยังไม่ได้
รับสมมติ ไม่พึงถามวินัยในท่ามกลางสงฆ์ รูปใดถามต้องอาบัติทุกกฏ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ได้รับสมมติแล้ว ถามวินัย
ในท่ามกลางสงฆ์ได้.

วิธีสมมติเป็นผู้ถาม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุพึงสมมติอย่างนี้ ตนเองสมมติตนก็ได้
ภิกษุอื่นสมมติภิกษุอื่นก็ได้.
อย่างไรเล่า ชื่อว่าตนเองสมมติตน.
ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจา
ว่าดังนี้:-