เมนู

ฝ่ายพระมหาปทุมเถระกล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าคามเขตต่าง ๆ ย่อมเป็นเช่น
กับสีมาที่ผูกต่างแผนกกัน. ฉันทะและปาริสุทธิย่อมไม่มาจากคามเขตนั้น ๆ, แต่
ภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ภายในนิมิต้องมา ดังนี้. แล้วกล่าวเสริมอีกว่า ในเวลาสมมติ
สมานสังวาสกสีมา การมาก็ตาม ไม่มาก็ตาม ของภิกษุเหล่านั้น ย่อมควร.
แต่ในเวลาสมมติอวิปปวาสสีมา ภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ภายในนิมิต ต้องมา. เมื่อไม่
มา ต้องนำฉันทะมา. ก็แลเมื่อภิกษุทั้งหลายประชุมกันแล้ว ฉันทะของภิกษุผู้
ควรแก่ฉันทะได้นำมาแล้ว อย่างนั้น พึงวางอารามิกบุรุษ และสามเณรเขื่อง ๆ
ไว้ในทางเหล่านั้น และในที่ทั้งหลายมีท่าน้ำและประตูบ้านเป็นต้น เพื่อนำภิกษุ
อาคันตุกะมาเข้าหัตถบาสเร็ว ๆ และเพื่อกันไว้ภายนอกสีมา แล้วพึงตีกลอง
สัญญา หรือป่าสังข์สัญญา แล้วผูกสีมาด้วยกรรมวาจาว่า สุณาตุ เม ภนฺเต
สงฺโฆ
เป็นต้น ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในลำดับแห่งการกำหนดนิมิต.
ในเวลาที่จบกรรมวาจานั่นเอง กันนิมิตทั้งหลายไว้ภายนอก สีมาย่อมหย่งลงไป
ในเบื้องล่างลึกถึงน้ำรองแผ่นดินเป็นที่สุด.
อรรถกถาวิธีผุกมหาสีมา จบ

อรรถกกถาวิธีผูกขัณฑสีมา


ภิกษุทั้งหลายผู้จะสมมติสังวาสกสีมานี้ ควรผูกขัณฑสีมาก่อน เพื่อทำ
สังฆกรรมทั้งหลายมีบรรพชาและอุปสมบทเป็นต้น ได้สะดวก, ก็แลเมื่อจะผูก
ขัณฑสีมานั้น ต้องรู้จักวัตร. ก็ถ้าจะผูกในวัดที่อยู่ที่ทายกสร้างให้ประดิษฐาน
วัตถุทั้งปวง มีต้นโพธิ์ เจดีย์และหอฉันเป็นต้นเสร็จแล้ว อย่าผูกตรงกลางวัด.
ที่อยู่อันเป็นสถานที่ประชุมของชนมาก พึงผูกในโอกาสอันสงัด ที่สุดท้ายวัดที่
อยู่. เมื่อจะผูกในวัดที่อยู่ที่ทายกไม่ได้สร้าง พึงกะที่ไว้สำหรับวัตถุทั้งปวง มี
ต้นโพธิ์และเจดีย์เป็นต้นไว้แล้ว เมื่อประดิษฐานวัตถุทั้งหลายเสร็จแล้ว ขัณฑ-