เมนู

อกรณียกิจ 4


[144] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทภิกษุรูป 1 แล้ว
ทิ้งไว้แต่ลำพังแล้ว หลีกไป เธอเดินมาทีหลังแต่รูปเดียว ได้พบภรรยาเก่าเข้า ณ
ระหว่างทาง นางได้ถามว่า เวลานี้ท่านบวชแล้วหรือ ?
ภิกษุนั้นตอบว่า จ้ะ ฉันบวชแล้ว.
นางจึงพูดชวนว่า เมถุนธรรมพวกบรรพชิตหาได้ยาก นิมนต์ท่าน
มาเสพเมถุนธรรม.
ภิกษุนั้นได้เสพเมถุนธรรมในนางแล้ว ได้ไปถึงทีหลังช้าไป ภิกษุ
ทั้งหลายถามว่า อาวุโส ท่านมัวทำอะไรชักช้าเช่นนี้ เธอได้แจ้งเรื่องนั้นแก่
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

พระพุทธานุญาตให้บอกอกรณียกิจ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้นในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ให้อุปสมบทแล้วให้ภิกษุอยู่เป็นเพื่อน และให้
บอกอกรณียกิจ 4 ดังต่อไปนี้:-
1. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงเสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ใน
สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ภิกษุใดเสพเมถุนธรรม ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสาย
ศากยบุตร เปรียบเหมือนบุรุษถูกตัดศีรษะแล้ว ไม่อาจจะมีสรีระคุมกัน
นั้นเป็นอยู่ ภิกษุก็เหมือนกัน เสพเมถุนธรรมแล้ว ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็น
เชื้อสายศากยบุตร การนั้น เธอไม่พึงทำตลอดชีวิต.
2. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงถือเอาของอันเขาไม่ได้ให้ เป็น
ส่วนขโมย โดยที่สุดหมายเอาถึงเส้นหญ้า ภิกษุใดถือเอาของอันเขาไม่ได้ให้

เป็นส่วนขโมย ได้ราคาบาท 1 ก็ดี ควรแก่ราคาบาท 1 ก็ดี เกินบาท 1
ก็ดี ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร เปรียบเหมือนใบไม้เหลือง
หล่นจากขั้วแล้ว ไม่อาจจะเป็นของเขียวสด ภิกษุก็เหมืนกัน ถือเอาของอัน
เขาไม่ได้ให้ เป็นส่วนขโมย ได้ราคาบาท 1 ก็ดี ควรแก่ราคาบาท 1 ก็ดี
เกินบาท 1 ก็ดี ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร การนั้น เธอไม่
พึงทำตลอดชีวิต.
3. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงแกล้งพรากสัตว์จากชีวิต โดยที่
สุดหมายเอาถึงมดดำมดแดง ภิกษุใดแกล้งพรากกายมนุษย์จากชีวิต โดยที่สุด
หมายเอาถึงยังครรภ์ให้ตก ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร
เปรียบเหมือนศิลาหนาแตก 2 เสี่ยงแล้ว เป็นของกลับต่อกันไม่ได้ ภิกษุก็
เหมือนกัน แกล้างพรากกายมนุษย์จากชีวิตแล้ว ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อ
สายศากยบุตร การนั้น เธอไม่พึงทำตลอดชีวิต.
4. อันภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงพูดอวดอุตตริมนุสสธรรม โดยที่สุด
ว่าเรายินดี ยิ่งในเรือนว่างเปล่า ภิกษุใดมีความปรารถนาลามก อันความ
ปรารถนาลามกครอบงำแล้ว พูดอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีอยู่ อันไม่
จริง คือฌานก็ดีวิโมกข์ก็ดี สมาธิก็ดี สมาบัติก็ดี มรรคก็ดี ผลก็ดี ไม่เป็น
สมณะ ไม่เป็นเชื้อสาย พระศากยบุตร เปรียบเหมือนต้นตาลมียอดด้วนแล้ว
ไม่อาจจะงอกอีก ภิกษุก็เหมือนกัน มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนา
ลามกครอบงำแล้ว พูดอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง
ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายศากยบุตร การนั้น เธอไม่พึงทำตลอดชีวิต.


อกรณียกิจ 4 จบ

เรื่องภิกษุผู้สงฆ์ยกเสียเป็นต้น


[145] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูป 1 ถูกสงฆ์ยกเสีย ฐานไม่เห็น
อาบัติ ได้สึกแล้ว เขากลับมาขออุปสมบทต่อภิกษุทั้งหลายอีก ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงวิธี
ปฏิบัติ ดังนี้:-

วิธีปฏิบัติในภิกษุผู้ยกเสีย


ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็น
อาบัติ สึกไป เธอกลับมาขออุปสมบทต่อภิกษุทั้งหลายอีก พึงสอบถามเขาเช่นนี้
ว่าเจ้าจักเห็นอาบัตินั้นหรือ ถ้าเขาตอบว่า กระผมจักเห็นขอรับ พึงให้บรรพชา.
ถ้าเขาตอบว่า กระผมจักไม่เห็นขอรับ ไม่พึงให้บรรพชา. ครั้นให้บรรพชา
แล้วพึงถามว่า เจ้าจักเห็นอาบัตินั้นหรือ ถ้าเขาตอบว่า กระผมจักเห็นขอรับ
พึงให้อุปสมบท. ถ้าเขาตอบว่า กระผมจักไม่เห็นขอรับ ไม่พึงให้อุปสนบท.
ครั้นให้อุปสมบทแล้ว พึงถามว่า ท่านจักเห็นอาบัตินั้นหรือ ถ้าเธอตอบว่า
กระผมจักเห็น ขอรับ พึงเรียกเข้าหมู่. ถ้าเธอตอบว่า กระผมจักไม่เห็นขอ
รับ ไม่พึงเรียกเข้าหมู่. ครั้นเรียกเข้าหมู่แล้ว พึงถามว่า ท่านเห็นอาบัตินั้น
หรือ ถ้าเห็นการเห็นได้อย่างนั้น นั่นเป็นการดี. หากไม่เห็น เมื่อได้สามัคคี
พึงยกเสียอีก เมื่อไม่ได้สามัคคี ไม่เป็นอาบัติในพระสมโภคและอยู่ร่วมกัน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ถูกสงฆ์ยกเสีย
ฐานไม่ยอมทำคืนอาบัติ สึกไป เธอกลับมาขออุปสมบทต่อภิกษุทั้งหลายอีก
พึงสอบถามเขาเช่นนี้ว่า เจ้าจักทำคืนอาบัตินั้นหรือ ถ้าเขาตอบว่า กระผม
จักทำคืนขอรับ พึงให้บรรพชา. ถ้าเขาตอบว่า กระผมจักไม่ทำคืน ไม่พึงให้
บรรพชา. ครั้นให้บรรพชาแล้ว พึงถามว่า เจ้าจักทำคืนอาบัตินั้นหรือ ถ้า