เมนู

เรื่องห้ามอุปสมบทอุภโตพยัญชนก


[132] ก็โดยสมัยนั้นแล อุภโตพยัญชนกคนหนึ่งได้บวชในสำนัก
ภิกษุ เธอเสพเมถุนธรรมในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิตของตนบ้าง ให้บุรุษ
อื่นเสพเมถุนธรรมในอิตถีนิมิตของตนบ้าง ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือ อุภโตพยัญชนก ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่
อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.

อรรถกถาอุภโตพยัญชนกวัตถุ


บทว่า อุภโตพฺยญฺชนโก มีอรรถวิเคราะห์ว่า นิมิตเครื่องปรากฏ
ที่ตั้งขึ้น โดยกรรม 2 อย่าง คือ โดยกรรมเป็นเหตุยังอิตถีนิมิตให้เกิดขึ้น 1
โดยกรรมเป็นเหตุยังปุริสนิมิตให้เกิดขึ้น 1 ของบุคคลนั้นมีอยู่ เหตุนั้น เขา
ชื่ออุภโตพยัญชนก.
บทว่า กโรติ มีความว่า ย่อมทำตนเองด้วยความละเมิดด้วยอำนาจ
เมถุนในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิต.
บทว่า การาเปติ มีความว่า ย่อมชวนบุรุษอื่นให้ทำความละเมิด
ด้วยอำนาจเมถุน ในอิตถีนิมิตของตน.
อุภโตพยัญชนกนั้น มี 2 ชนิด คือ สตรีอุภโตพยัญชนก 1. บุรุษ-
อุภโตพยัญชนก 1.

ใน 2 ชนิดนั้น อิตถีนิมิตของสตรีอุภโตพัญชนกปรากฏปุริสนิมิต
เป็นของลี้ลับ; ปุริสนิมิตของบุรุษอุภโตพยัญชนกปรากฏอิตถีนิมิตเป็นของลี้ลับ
เมื่อสตรีอุภโตพยัญชนกทำหน้าที่ของบุรุษในสตรีทั้งหลาย อิตถีนิมิตรย่อมเป็น
ของลี้ลับ. ปุริสนิมิตปรากฏ; เมื่อบุรุษอุภโตพยัญชนกเข้าถึงความเป็นสตรีสำ-
หรับพวกบุรุษ ปุริสนิมิตเป็นของลี้ลับ อิตถีนิมิตปรากฏ.
เหตุซึ่งทำให้ต่างกันแห่งอุภโตพยัญชนก 2 ชนิดนั้นดังนี้ คือสตรี
อุภโตพยัญชนกมีครรภ์เองด้วย, ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้ด้วย; ส่วนบุรุษอุภโตพยัญ
ชนกมีครรภ์เองไม่ได้ แต่ให้สตรีอื่นมีครรภ์ได้.
แต่ในอรรถกถากุรุนทีท่านแก้ว่า ถ้าเพศชายเกิดในกำเนิดคือปฏิสนธิ-
กาล เพศหญิงย่อมเกิดต่อเมื่อความกำหนัดในบุรุษเป็นไป,1 ถ้าเพศหญิงเกิด
ในกำเนิด คือปฏิสนธิกาล เพศชายยอมเกิดต่อเมื่อจาความกำหนัดในสตรีเป็น
ไป2
ลำดับแห่งวิจารณ์ในความเกิดแห่ง 2 เพศนั้น บัณฑิตพึงทราบพิสดาร
ในอรรถกถาธรรมสังคหะชื่ออัฏฐสาลินี.3
ส่วนในบรรพชาธิการนี้ พึงทราบสันนิษฐานแม้นี้ว่า บรรพชาอุปสม
บทแห่งอุภโตพยัญชนกทั้ง 2 ชนิดนี้ ไม่มีเลย.
อรรถกถาอุโตพยัญชนกวัตถุ จบ

1,2. ปวตฺเต น่าจะหมายความว่า ในปวัตติกาล.
3. อฏฺฐาสาลินี. 467-470.

บุคคลไม่ควรให้อุปสมบท 20 จำพวก


เรื่องห้ามอุปสมบทคนไม่มีอุปัชฌาย์เป็นต้น


[133] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทกุลบุตรผู้ไม่มี
อุปัชฌาย์ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มี-
พระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้ไม่มี
อุปัชฌาย์ ภิกษุไม่พึงอุปสมบทให้ รูปใดอุปสมบทให้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทกุลบุตรมีสงฆ์เป็นอุปัชฌาย์ ภิกษุ
ทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับ
สั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรมีสงฆ์เป็นอุปัชฌาย์ ภิกษุ
ไม่พึงอุปสมบทให้ รูปใดอุปสมบทให้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทกุลบุตรมีคณะเป็นอุปัชฌาย์ ภิกษุ
ทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่ง
กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรมีคณะเป็นอุปัชฌาย์ ภิกษุไม่
พึงอุปสมบทให้ รูปใดอุปสมบทให้ ต้องอาบัติทุกกฏ
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายอุปสมบทกุลบุตรมีบัณเฑาะก์เป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีบุคคลลักเพศเป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์เป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีสัตว์ดิรัจฉานเป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีคนฆ่ามารดาเป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีคนฆ่าบิดาเป็นอุปัชฌาย์
. . . อุปสมบทกุลบุตรมีคนฆ่าพระอรหันต์เป็นอุปัชฌาย์