เมนู

พิจารณาชุมชนผู้เกลื่อนกล่นด้วยความโศก
ผู้อันชาติและชราครอบงำแล้ว มีอุปมัยฉัน
นั้นเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียร ทรง
ชนะสงความ ผู้นำหมู่หาหนี้มิได้ ขอพระ-
องค์จงทรงอุตสาหะเที่ยวไปในโลกเถิด ขอ
พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดแสดงธรรมเพราะ
สัตว์ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมี.


ทรงพิจารณาสัตว์โลกเปรียบด้วยดอกบัว


[9] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบคำทูลอาราธนาของ
พรหมและทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ จึงทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักขุ
เมื่อตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักขุ ได้ทรงเห็นสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีคือกิเลสใน
จักษุน้อยก็มี ที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุมากก็มี ที่มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี ที่มีอินทรีย์
อ่อนก็มี ที่มีอาการดีก็มี ที่มีอาการทรามก็มี ที่จะสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี ที่จะสอน
ให้รู้ได้ยากก็มี ที่มีปรกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ก็มี.
มีอุปมาเหมือนดอกอุบลในกออุบล ดอกปทุมในกอปทุม หรือดอก
บุณฑริกในกอบุณฑริก ที่เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ งอกงามแล้วในน้ำ
บางเหล่ายังจมในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้ บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งอยู่
พ้นน้ำ อันน้ำไม่ติดแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักขุ ได้ทรงเห็นสัตว์
ทั้งหลาย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุน้อย บางพวกมีธุลีคือกิเลสในจักษุมาก
บางพวกมีอินทรีย์แก่กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวก

มีอาการทราม บางพวกสอนให้รู้ได้ง่าย บางพวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมี
ปรกติเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัยอยู่ ฉันนั้น เหมือนกัน ครั้นแล้วได้
ตรัสดาถาตอบท้าวสหัมบดีพรหมว่า ดังนี้:-
เราเปิดประตูอมตะแก่ท่านแล้ว สัตว์
เหล่าใดจะฟัง จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูก่อน
พรหม เพราะเรามีความสำคัญในความลำ-
บาก จงไม่แสดงธรรมที่เราคล่องแคล่ว
ประณีต ในหมู่มนุษย์.

ครั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทาน
โอกาสเพื่อจะแสดงธรรมแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าทำประทักษิณ
แล้ว อันตรธานไปในที่นั้นแล.
พรหมยาจนกถา จบ

อรรถกถาพรหมยาจนกถา


ครั้งนั้นแล พอล่วงเจ็ดวัน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาธินั้น
เสร็จกิจทั้งปวงมีประการดังกล่าวแล้วนั้นแล ออกจากโคนต้นไม้เกต เสด็จเข้า
ไปยังต้นอชปาลนิโครธแม้อีก.
สองบทว่า ปริวิตกโก อุทปาทิ มีความว่า ความรำพึงแห่งใจนี้
ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงพระพฤติกันมาเป็นอาจิณเกิดขึ้นแด่พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าผู้พอประทับนั่งที่โคนต้นอชปาลนิโครธนั้นเท่านั้น.