เมนู

เรื่องราชภัฏบวช


[102] ก็โดยสมัยนั้นแล เมืองปลายเขตแดงของพระเจ้าพิมพิสาร
จอมเสนามาคธราชเกิดจลาจล ครั้งนั้น ท้าวเธอจึงมีพระบรมราชโองการสั่ง
พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองว่า ดูก่อนพนาย ท่านทั้งหลายจงไปปรับ
ปรุงเมืองปลายเขตแดงให้เรียบร้อย พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง
กราบทูลรับสนองพระบรมราชโองการพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชว่า
ขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้า ครั้งนั้น เหล่าทหารบรรดาที่มีชื่อเสียงได้มีความ
ปริวิตกว่า พวกเราพอใจในการรบ พากันไปทำบาปกรรม และประสพกรรมมิ
ใช่บุญมาก ด้วยวิธีอย่างไรหนอ พวกเราพึงงดเว้นจากบาปกรรม แลทำแต่
ความดี ดังนี้ และได้มีความปริวิตกต่อไปว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร
เหล่านี้แล เป็นผู้พระพฤติธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติในพรหมจรรย์
กล่าวคำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรมถ้าแลพวกเราจะพึงบวชในสำนักพระสมณะ
เชื้อสายพระศากยบุตร ด้วยวิธีอย่างนี้พวกเราก็จะพึงเว้นจากบาปกรรม และทำ
แต่ความดี ดังนี้ จึงพากันเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา ภิกษุทั้งหลาย
ให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบทแล้ว.
พวกjหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองถามพวกราชภัฏว่า แน่ะพนาย
ทหารผู้มีชื่อนี้ และมีชื่อนี้ หายไปไหน.
พวกราชภัฏเรียนว่า นาย ทหารผู้มีชื่อนี้และมีชื่อนี้ บวชในสำนัก
ภิกษุแล้ว ขอรับนาย.
พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา
ว่า ไฉนเหล่าพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ให้ราชภัฏบวชเล่า แล้ว
กราบบังคมทูลความเรื่องนั้นแด่พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช.