เมนู

หมอชีวกโกมารภัจจ์ได้เห็นบุรุษนั้นสึกแล้ว จึงได้ไต่ถามบุรุษนั้นว่า
เจ้าบวชในสำนักภิกษุมิใช่หรือ ?
บุรุษ. ใช่แล้วขอรับ ท่านอาจารย์.
ชี. เจ้าได้ทำพฤติการณ์เช่นนั้น เพื่อประสงค์อะไร ?
จึงบุรุษนั้น ได้เรียนเรื่องนั้นให้หมอชีวกโกมารภัจจ์ทราบ.
หมอชีวกโกรมารภัจจ์ จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระคุณ
เจ้าทั้งหลายจึงได้ให้กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้วบวชเล่า ครั้นแล้ว
เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าพระ-
พุทธเจ้า ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายไม่พึงยังกุลบุตรผู้
ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้ว ให้บวช.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้หมอชีวกโกมารภัจจ์ เห็น
แจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์อัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริงด้วย
ธรรมีกถาแล้วลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้ว
กลับไป.

ทรงห้ามบวชคนเป็นโรคติดต่อ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้า
มูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเช้าแล้ว ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใด
ให้บวชต้องอาบัติทุกกฎ.