เมนู

อันตรายิกธรรมกถา


โรค 5 ชนิด


[101] ก็โดยสมัยนั้นแล ในมคธชนบทเกิดโรคระบาดขึ้น 5 ชนิดคือ
โรคเรื้อน 1 โรคฝี 1 โรคกลาก 1 โรคมองคร่อ 1 โรคลมบ้าหมู 1 ประชาชน
อันโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้ว ได้เข้าไปหาหมอชีวกโกมารภัจจ์ แล้วกล่าว
อย่างนี้ว่า ขอโอกาส ท่านอาจารย์ ขอท่านกรุณาช่วยรักษาพวกข้าพเจ้าด้วย.
ชี. เจ้าทั้งหลาย ฉันน่ะ มีกิจมาก มีงานที่ต้องทำมาก ฉันต้องถวาย
อภิบาลพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทั้งพวกฝ่ายใน และพระสงฆ์มี
พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ฉันไม่สามารถจะช่วยรักษาได้.
ป. ท่านอาจารย์ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดยกให้ท่าน และพวกข้าพเจ้า
ยอมเป็นทาสของท่าน ขอโอกาส ท่านอาจารย์ ขอท่านกรุณาช่วยรักษาพวก
ข้าพเจ้าด้วย.
ชี. เจ้าทั้งหลาย ฉันน่ะ มีกิจมาก มีงานที่ต้องทำมาก ฉันต้องถวาย
อภิบาลพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทั้งพวกฝ่ายใน และพระสงฆ์มี
พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ฉันไม่สามารถจะช่วยรักษาได้.
จึงประชาชนพวกนั้นได้คิดว่า พระสมณะเธอสายพระศากยบุตรเหล่านี้
แล มีปรกติเป็นสุข มีความประพฤติสบาย ฉันอาหารที่ดี นอนในห้องอัน
มิคชิด ถ้ากระไร พวกเราพึงบวช ในสำนักพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร
ในที่นั้น ภิกษุทั้งหลายจักพยาบาล และหมอชีวกโกมารภัจจ์จักรักษา ต่อมา
พวกเขาพากันเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา ภิกษุทั้งหลายให้พวกเขา
บรรพชาอุปสมบท แล้วต้องพยาบาล และหมอชีวกโกมารภัจจ์ต้องรักษาพวก
เขา.

สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายพยาบาลภิกษุอาพาธมากรูป ย่อมเป็นผู้มาก
ด้วยการขอร้อง มากดด้วยการขออยู่ว่า ขอจงให้อาหารสำหรับภิกษุอาพาธ ขอ
จงให้อาหารสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุอาพาธ ขอจงให้เภสัชสำหรับภิกษุผู้อา-
พาธ แม้หมอชีวกโกมารภัจจ์มัวรักษาภิกษุอาพาธมากรูป ได้ปฏิบัติราชการบาง
อย่างบกพร่องบุรุษแม้คนหนึ่ง ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้ว ก็เข้าไปหาหมอ
ชีวกโกมารภัจจ์แล้วกราบเรียนว่า ขอโอกาส ท่านอาจารย์ ขอท่านกรุณาช่วย
รักษากระผมด้วย.
ชี. เจ้า ข้าน่ะ มีกิจมาก มีงานที่ต้องทำมาก ต้องถวายอภิบาลพระ-
เจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทั้งพวกฝ่ายใน และพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุขข้าไม่สามารถจะช่วยรักษาได้.
บุรุษ. ท่านอาจารย์ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดยกให้ท่าน และกระผมยอม
เป็นทาสของท่าน ขอโอกาส ท่านอาจารย์ ขอท่านกรุณาช่วยรักษากระผมด้วย.
ชี. เจ้า ข้าน่ะ มีกิจมาก มีงานที่ต้องทำมาก ต้องถวายอภิบาลพระ-
เจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทั้งพวกฝ่ายใน และพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุข ข้าไม่สามารถจะช่วยรักษาได้.
จึงบุรุษนั้นได้คิดว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้แล มี
ปกติเป็นสุข มีความประพฤติสบาย ฉันอาหารที่ดี นอนในห้องนอนอันมิดชิด
ถ้ากระไร เราพึงบวชในสำนักพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร ในที่นั้น ภิกษุ
ทั้งหลายจักพยาบาล และหมอชีวกโกมารภัจจ์จักรักษา เราหายโรคแล้ว จักสึก
จึงภิกษุนั้นเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา ภิกษุทั้งหลายให้บุรุษนั้น
บรรพชาอุปสมบทแล้วต้องพยาบาล และหมอชีวกโกมารภัจจ์ต้องรักษาภิกษุนั้น
ภิกษุนั้นหายจากโรคแล้วสึก.

หมอชีวกโกมารภัจจ์ได้เห็นบุรุษนั้นสึกแล้ว จึงได้ไต่ถามบุรุษนั้นว่า
เจ้าบวชในสำนักภิกษุมิใช่หรือ ?
บุรุษ. ใช่แล้วขอรับ ท่านอาจารย์.
ชี. เจ้าได้ทำพฤติการณ์เช่นนั้น เพื่อประสงค์อะไร ?
จึงบุรุษนั้น ได้เรียนเรื่องนั้นให้หมอชีวกโกมารภัจจ์ทราบ.
หมอชีวกโกรมารภัจจ์ จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระคุณ
เจ้าทั้งหลายจึงได้ให้กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้วบวชเล่า ครั้นแล้ว
เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าพระ-
พุทธเจ้า ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายไม่พึงยังกุลบุตรผู้
ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเข้าแล้ว ให้บวช.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้หมอชีวกโกมารภัจจ์ เห็น
แจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้นหมอชีวกโกมารภัจจ์อัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ร่าเริงด้วย
ธรรมีกถาแล้วลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณแล้ว
กลับไป.

ทรงห้ามบวชคนเป็นโรคติดต่อ


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้า
มูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดกระทบเช้าแล้ว ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใด
ให้บวชต้องอาบัติทุกกฎ.