เมนู

การประณามและการให้ขมา


[83] ก็โดยสมัยนั้นแล สัทธิวิหาริกทั้งหลายไม่ประพฤติชอบใน
อุปัชฌายะทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย . . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนสัทธิวิหาริกทั้งหลายจึงไม่ประพฤติชอบในอุปัชฌายะทั้งหลาย
เล่าแล้วได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าสัทธิวิหาริกทั้งหลายไม่ปฏิบัติชอบในอุปัชฌายะทั้งหลาย จริงหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียน


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
สัทธิวิหาริกทั้งหลายจึงไม่พระพฤติชอบในอุปัชฌายะทั้งหลายเล่า ครั้นแล้วทรง
ทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลา ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธิวิหาริกจะ
ไร่ประพฤติชอบในอุปัชฌายะไม่ได้ รูปใดไม่ประพฤติชอบ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สัทธิวิหาริกทั้งหลายยังไม่ประพฤติชอบอย่างเดิม ภิกษุทั้งหลายจึง
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรา
อนุญาตให้ประณามสัทธิวิหาริกผู้ไม่พระพฤติชอบ.

วิธีประณาม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล อุปัชฌายะพึงประณามสัทธิวิหาริกอย่างนี้
ว่าฉันประณามเธอ เธออย่าเข้ามา ณ ที่นี้ เธอจงขนบาตรจีวรของเธอออกไป
เสีย พึงประณามว่า เธอไม่ต้องอุปัฏฐากฉัน ดังนี้ก็ได้.

อุปัชฌายะย่อมยังสัทธิวิหาริกให้รู้ด้วยกายก็ได้ ให้รู้ด้วยวาจาก็ได้ ให้รู้
ด้วยทั้งกายและวาจาก็ได้ เป็นอันประณามแล้ว ถ้ายังมิได้แสดงอาการกายให้รู้
ยังมิบอกให้รู้ด้วยวาจา ยังมิได้แสดงอาการกายและบอกวาจาให้รู้ สัทธิวิหาริก
ไม่ชื่อว่าถูกประณาม.
สมัยต่อมา สัทธิวิหาริกทั้งหลายถูกประณามแล้ว ไม่ขอให้อุปัชฌายะ
อดโทษ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สัทธิวิหาริกขอให้
อุปัชฌายะอดโทษ.
สัทธิวิหาริกทั้งหลายไม่ยอมขอให้อุปัชฌายะอดโทษอย่างเดิม ภิกษุ
ทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลายสัทธิวิหาริกถูกประณามแล้ว จะไม่ขอให้อุปัชฌายะอดโทษไม่ได้ รูปใด
ไม่ขอให้อุปัชฌายะอดโทษ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา อุปัชฌายะทั้งหลายอันพวกสัทธิวิหาริกขอให้อดโทษอยู่ ก็
ไม่ยอมอดโทษ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัส
ว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อุปัชฌายะอดโทษ.
อุปัชฌายะทั้งหลายยังไม่ยอมอดโทษอย่างเดิม พวกสัทธิวิหาริกหลีกไป
เสียบ้าง สึกไปเสียบ้าง ไปเข้ารีดเดียรถีย์เสียบ้าง ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอุปัชฌายะ
อันพวกสัทธิวิหาริกขอให้อดโทษอยู่ จะไม่ยอมอดโทษไม่ได้ รูปใดไม่ยอมอด
โทษ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[84] ก็โดยสมัยนั้นแล อุปัชฌายะประณามสัทธิวิหาริกผู้พระพฤติ
ชอบ ไม่ประณามสัทธิวิหาริกผู้พระพฤติมีชอบ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่อง

นั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธิวิหาริกผู้ประ
พฤติชอบ อุปัชฌายะไม่พึงประณาม รูปใดประณามต้องอาบัติทุกกฏ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่งสัทธิวิหาริกผู้ประพฤติมีชอบ อุปัชฌายะจะไม่ประณามไม่
ได้รูปใดไม่ประณามต้องอาบัติทุกกฏ.

องค์แห่งการประณาม


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงประณามสัทธิวิหาริกผู้ประกอบด้วย
องค์ 5 คือ:-
1. หาความรักใคร่อย่างยิ่งในอุปัชฌายะมิได้.
2. หาความเลื่อมใสอย่างยิ่งมิได้.
3. หาความละอายอย่างยิ่งมิได้.
4. หาความเคารพอย่างยิ่งมิได้ และ
5. หาความหวังดีต่ออย่างยิ่งมิได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงประณามสัทธิวิหาริก ผู้ประกอบ
ด้วยองค์ 5 นี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะไม่พึงประณามสัทธิวิหาริก ผู้ประกอบ
ด้วยองค์ 5 คือ:-
1. มีความรักใคร่อย่างยิ่งในอุปัชฌายะ.
2. มีความเลื่อมใสอย่างยิ่ง.
3. มีความละอายอย่างยิ่ง.
4. มีความเคารพอย่างยิ่ง และ
5. มีความหวังดีต่ออย่างยิ่ง.