เมนู

ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดย
ที่แท้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความ
เป็นอย่างอื่นของชนบางพวกผู้เลื่อมใสแล้ว.

ทรงอนุญาตอุปัชฌายะ


[80] ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นโดยอเนก-
ปริยายดังนี้แล้ว จึงตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก
ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน
ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความ
สันโดษ ความกำจัด ความขัดเกลา อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การ
ปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่
เหมาะสมแก่เรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรา
อนุญาตอุปัชฌายะ อุปัชฌายะจักตั้งจิตสนิทสนมในสัทธิวิหาริกฉันบุตร สัทธิ
วิหาริกจักตั้งจิตสนิทสนมในอุปัชฌายะฉันบิดา เมื่อเป็นเช่นนี้ อุปัชฌายะและ
สัทธิวิหาริกนั้น ต่างจักมีความเคารพ ยำเกรงประพฤติกลมเกลียวกันอยู่ จัก
ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลสัทธิวิหาริกพึงถืออุปัชฌายะอย่างนี้.

วิธีถืออุปัชฌายะ


สัทธิวิหาริกนั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ไหว้เท้านั่งกระโหย่ง
ประคองอัญชลีแล้วกล่าวคำอย่างนี้ 3 หน.
ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงเป็นอุปัชฌายะของข้าพเจ้า.
ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงเป็นอุปัชฌายะของข้าพเจ้า.
ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงเป็นอุปัชฌายะของข้าพเจ้า.

อุปัชฌายะรับว่า ดีละ เบาใจละ ชอบแก่อุบายละ สมควรละ หรือ
รับว่า จงยังความปฏิบัติให้ถึงพร้อมด้วยอาการอันน่าเลื่อมใสเถิด ดังนี้ ก็ได้.
รับด้วยกาย รับด้วยวาจา รับด้วยกายด้วยวาจาก็ได้ เป็นอันสัทธิ-
วิหาริก ถืออุปัชฌายะแล้ว.
ไม่รับด้วยกาย ไม่รับด้วยวาจา ไม่รับด้วยทั้งกายและวาจา ไม่เป็น
อันสัทธิวิหาริกถืออุปัชฌายะ.

อุปัชฌายะวัตร


[81] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธิวิหาริกพึงประพฤติชอบในอุปัชฌายะ
วิธีประพฤติชอบในอุปัชฌายะนั้น มีดังต่อไปนี้:-
สัทธิวิหาริกพึงลุกแต่เช้าตรู่ ถอดรองเท้า ห่มผ้าเฉวียงบ่า แล้วถวาย
ไม้ชำระฟัน ถวายน้ำล้างหน้า ปูอาสนะไว้.
ถ้ายาคูมี พึงล้างภาชนะแล้วน้อมยาคูเข้าไปถวาย เมื่ออุปัชฌายะดื่ม
ยาคู แล้วพึงถวายน้ำ รับภาชนะมาถือต่ำ ๆ อย่าให้กระทบกัน ล้างให้สะอาด
แล้วเก็บไว้ เมื่ออุปัชฌายะลุกแล้ว พึงเก็บอาสนะ.
ถ้าที่นั้นรก พึงกวาดที่นั้นเสีย.
ถ้าอุปัชฌายะประสงค์จะเข้าบ้าน พึงถวายผ้านุ่ง พึงรับผ้านุ่งผลัดมา
พึงถวายประคดเอว พึงพับผ้าสังฆาฏิเป็นชั้นถวาย พึงล้างบาตรแล้ว ถวายพร้อม
ทั้งน้ำด้วย.
ถ้าอุปัชฌายะปรารถนาจะให้เป็นปัจฉาสมณะ พึงปกปิดมณฑล 3 นุ่ง
ให้เป็นปริมณฑล แล้วคาดประคตเอว ห่มสังฆาฏิ ทำเป็นชั้น กลัดดุม
ล้างบาตรแล้ว ถือไป เป็นปัจฉาสมณะของอุปัชฌายะ ไม่พึงเดินให้ห่างนัก
ไม่พึงเดินให้ชิดนัก พึงรับวัตถุที่เนื่องในบาตร