เมนู

บันดาลให้น้ำห่างออกไปโดยรอบ แล้วจงกรมอยู่บนภาคพื้น อันมีฝุ่นฟุ้งขึ้น
ตอนกลาง ครั้นแล้วจึงทรงบันดาลให้น้ำห่างออกไปโดยรอบแล้วเสด็จจงกรมอยู่
บนภาคพื้น อันมีฝุ่นฟุ้งขึ้นตอนกลาง ต่อมา ชฎิลอุรุเวลกัสสปกล่าวว่า พระ-
มหาสมณะอย่าได้ถูกน้ำพัดไปเสียเลย ดังนี้ แล้วพร้อมด้วยชฏิลมากด้วยกัน ได้
เอาเรือไปสู่ประเทศที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้ทรงบันดาลให้น้ำห่างออกไปโดยรอบแล้ว เสด็จจงกรมอยู่บนภาคพื้นอันมี
ฝุ่นฟุ้งขึ้นตอนกลาง แล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่มหาสมณะ ท่าน
ยังอยู่ที่นี่ดอกหรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าตอบตรัสว่า ถูกละ กัสสป เรายังอยู่
ที่นี่ ดังนี้แล้ว เสด็จขึ้นสู่เวหาสปรากฏอยู่ที่เรือ จึงชฎิลอุรุเวลกัสสปได้มีความ
ดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้ ถึงกับบันดาลไม่ให้น้ำ
ไหลไปได้ แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.

ทูลขอบรรพชาและอุปสมบท


[51] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระดำริว่า โมฆบุรุษนี้
ได้มีความคิดอย่างนี้มานานแล้ว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
แท้ แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่ ถ้ากระไร เราพึงให้ชฎิลนี้สลดใจ
แล้วจึงตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปว่า ดูก่อนกัสสป ท่านไม่ใช่พระอรหันต์แน่
ทั้งยังไม่พบทางแห่งความเป็นพระอรหันต์ แม้ปฏิทาของท่านที่จะเป็นเหตุให้
เป็นพระอรหันต์ หรือพบทางแห่งความเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มี ทีนั้น
ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้ซบเศียรลงทีพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลขอ
บรรพชาอุปสมบทต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอข้าพระพุทธเจ้าพึงได้บรรพชา
พึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัสสป ท่านเป็นผู้นำ เป็นผู้ฝึกสอน
เป็นผู้เลิศ เป็นหัวหน้า เป็นประธานของชฎิล 500 คน ท่านจงบอกกล่าวพวก
นั้นก่อน พวกนั้นจักทำตามที่เข้าใจ.
ลำดับนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปเข้าไปหาชฎิลเหล่านั้น ครั้นแล้วได้แจ้ง
ความประสงค์ต่อชฎิลเหล่านั้นว่า ผู้เจริญทั้งหลาย เราปรารถนาจะประพฤติ
พรหมจรรย์ในพระมหาสมณะ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงทำตามที่เข้าใจ.
ชฎิลพวกนั้นกราบเรียนว่า พวกข้าพเจ้าเลื่อมใสยิ่งในพระมหาสมณะ
มานานแล้ว ขอรับ ถ้าท่านอาจารย์จักประพฤติพรหมจรรย์ในพระมหาสมณะ
พวกข้าพเจ้าทั้งหมดก็จักประพฤติพรหมจรรย์ในพระมหาสมณะเหมือนกัน.
ต่อมา ชฎิลเหล่านั้นได้ลอยผม ชฎา เครื่องบริขาร และเครื่องบูชา
เพลิงในน้ำ แล้วพากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ซบเศียรลงแทบพระบาท
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า พวกข้าพระองค์พึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้า-
ข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้ว
ได้ตรัสต่อไปว่า ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อ
ทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด.
พระวาจานั้นแล ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.
[52] ชฎิลนทีกัสสปได้เห็นผม ชฎา เครื่องบริขาร และเครื่องบูชา
เพลิงลอยน้ำมา ครั้นแล้วได้มีความดำริว่า อุปสรรคอย่าได้มีแก่พี่ชายเราเลย
จึงส่งชฎิลไปด้วยคำสั่งว่า พวกเธอจงไป จงรู้พี่ชายของเรา ดังนี้แล้ว ทั้งตน

เองกับชฎิล 300 ได้เข้าไปหาท่านพระอุรุเวลกัสสป แล้วเรียนถามว่า ข้าแต่พี่
กัสสปพรหมจรรย์นี้ประเสริฐแน่หรือ ?
พระอุรุเวลกัสสปตอบว่า แน่ละเธอ พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ.
หลังจากนั้น ชฎิลเหล่านั้นลอยผม ชฎา เครื่องบริขารและเครื่องบูชา
เพลิงในน้ำ แล้วพากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ซบเศียรลงแทบพระบาท
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า ขอพวกข้าพระพุทธเจ้าพึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนัก พระผู้มี
พระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้แล้ว ได้
ตรัสต่อไปว่า ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงพระพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำ
ที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด.
พระวาจานั้นแล ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.
[53] ชฎิลคยากัสสปได้เห็นผม ชฎา เครื่องบริขาร และเครื่องบูชา
เพลิง ลอยน้ำมา ครั้นแล้ว ได้มีความดำริว่า อุปสรรคอย่าได้มีแก่พี่ชายทั้ง
สองของเราเลย แล้วส่งชฎิลไปด้วยคำสั่งว่า พวกเธอจงไป จงรู้พี่ชายทั้งสอง
ของเราดังนี้แล้ว ทั้งตนเองกับชฎิล 200 คน ได้เข้าไปหาท่านพระอุรุเวลพกัสสป
แล้วเรียนถามว่า ข้าแต่พี่กัสสป พรหมจรรย์นี้ประเสริฐแน่หรือ ?
พระอุรุเวลกัสสปตอบว่า แน่ล่ะเธอ พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ.
หลังจากนั้น ชฎิลเหล่านั้นลอยผม ชฎา เครื่องบริขาร และเครื่อง
บูชาเพลิงในน้ำ แล้วพากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ซบเศียรลงแทบพระ-
บาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า ขอพวกข้าพระพุทธเจ้าพึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้แล้วได้
ตรัสต่อไปว่า ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำ
ที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด.
พระวาจานั้นแล ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.
[54] พวกชฎิลนั้น ผ่าฟื้น 500 ท่อนไม่ได้ แล้วผ่าได้ ก็ไฟไม่
ติดแล้วก่อไฟติดขึ้นได้ ดับไฟไม่คับ แล้วดับได้ ด้วยการเพ่งอธิษฐานของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้พระภาคเจ้าทรงนิรมิตกองไฟไว้ 500 กอง
ปาฏิหาริย์ 3500 วิธี ย่อมมีโดยนัยนี้.

อาทิตตปริยายสูตร


[55] ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระ-
พุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลคยาสีสะ พร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ 1000 รูป ล้วนเป็นปุราณชฎิล ได้ยินว่า พระองค์ประทับ
อยู่ที่ตำบลคยาสีสะใกล้แม่น้ำคยานั้น พร้อมด้วยภิกษุ 1000 รูป.
ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน ก็อะไรเล่าชื่อว่า สิ่งทั้ง
ปวงเป็นของร้อน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นของร้อน รูปทั้งหลายเป็น
ของร้อน วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน ความ
เสวยอารมณ์เป็นสุขเป็นทุกข์ หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัส
เป็นปัจจัยแม้นั้นก็เป็นของร้อน ร้อนเพราะอะไร เรากล่าวว่า ร้อนเพราะไฟ
คือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด เพราะ
ความแก่และความตาย ร้อนเพราะความโศก เพราะความรำพัน เพราะทุกข์
กาย เพราะทุกข์ใจ เพราะความคับแค้น.
โสตเป็นของร้อน เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน. . .
ฆานะเป็นของร้อน กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน . . .
ชิวหาเป็นของร้อน รสทั้งหลายเป็นของร้อน. . .
กายเป็นของร้อน โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน. . .
มนะเป็นของร้อน ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน วิญญาณอาศัยมนะ
เป็นของร้อน สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์เป็นสุข เป็น
ทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้นก็เป็น
ของร้อน ร้อนเพราะอะไร เรากล่าวว่า ร้อนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือ