เมนู

เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส 1 เพื่อความเลื่อมใสยิ่ง
ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว 1 เพื่อความตั้งมั่นเเห่งพระสัทธรรม 1 เพื่อ
ถือตามพระวินัย 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


32. 3. อนึ่ง ภิกษุผู้ให้ทำสันถัตใหม่ พึงถือเอาขนเจียมดำ
ล้วน 2 ส่วน ขนเจียมขาวเป็นส่วนที่ 3 ขนเจียมแดงเป็นส่วนที่ 4
ถ้าภิกษุไม่ถือเอาขนเจียมดำล้วน 2 ส่วน ขนเจียมขาวเป็นส่วนที่ 3
ขนเจียมแดงเป็นส่วนที่ 4 ให้ทำสันถัตใหม่ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[83] ที่ชื่อว่า ใหม่ ตรัสหมายการทำขึ้น.
ที่ชื่อว่า สันถัต ได้แก่ ผ้ารองนั่งที่เขาหล่อ ไม่ใช่ทอ.
บทว่า ผู้ให้ทำ คือ ทำเองก็ตาม ใช้ให้เขาทำก็ตาม.
คำว่า พึงถือเอาขนเจียมดำล้วน 2 ส่วน ความว่า พึงชั่งถือเอา
ขนเจียมดำล้วนน้ำหนัก 2 ชั่ง.
บทว่า ขนเจียมขาวเป็นส่วนที่ 3 คือ ขนเจียมขาวน้ำหนัก 1 ชั่ง.
บทว่า ขนเจียมแดงเป็นส่วนที่ 4 คือ ขนเจียมแดงน้ำหนัก 1 ชั่ง.
คำว่า ถ้าภิกษุไม่ถือเอาขนเจียมดำล้วน 2 ส่วน ขนเจียมขาว

เป็นส่วนที่ 3 ขนเจียมแดงเป็นส่วนที่ 4 ความว่า ไม่ถือเอาขนเจียม
ขาว 1 ชั่ง ขนเจียมแดง 1 ชั่ง ทำเองก็ดี ให้เขาทำก็ดี ซึ่งสันถัตใหม่
เป็นทุกกฏในประโยคที่ทำ เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้สันถัตมา ต้องเสียสละแก่
สงฆ์ คณะ หรือบุคคล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุพึงเสียสละสันถัตนั้นอย่างนี้:-

วิธีเสียสละ
เสียสละแก่สงฆ์


ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้า
ภิกษุผู้แก่พรรษากว่า นั่งกระโหย่งเท้าประณมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า สันถัตผืนนี้ของข้าพเจ้า ไม่ได้ถือเอาขนเจียมขาว
1 ชั่ง ขนเจียมแดง 1 ชั่ง ให้ทำแล้ว เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้า
สละสันถัตผืนนี้แก่สงฆ์
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ
พึงคืนสันถัตที่เสียสละให้ด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สันถัตผืนนี้ของภิกษุมีชื่อนี้
เป็นของจำจะสละ เธอสละแล้วแก่สงฆ์ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์
ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้สันถัตผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้

เสียสละแก่คณะ


ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุหลายรูป ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่า นั่งกระโหย่งเท้าประณมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า